วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2553

ในหลวงทรงแนะศาลปฎิบัติหน้าที่เคร่งครัดสุจริต เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ผู้พิพากษาให้ปฎิ บัติหน้าที่โดยเคร่งครัด ซื่อสัตย์สุจริต เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ข้าราชการและประชาชน ในประเทศอาจจะมีคนที่ลืมหน้าที่ของตนได้ ดังนั้นผู้พิพากษาก็แสดงเป็นตัวอย่างว่ามีผู้ที่ปฎิบัติหน้าที่ได้อย่าง เคร่งครัดอย่างสุจริต





พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายสบโชค สุขารมณ์ ประธานศาลฎีกา นำคณะผู้พิพากษาประจำศาล สำนักงานศาลยุติธรรม เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนเข้ารับหน้าที่ ในโอกาสนี้ นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม นายไพโรจน์ นวานุช ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ ประจำสำนักประธานศาลฎีกา นายวรวุฒิ ทวาทศิน เลขาธิการประธานศาลฎีกา และนายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย

ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราโชวาท มีเนื้อความดังนี้

เป็นภาระที่สำคัญในปัจจุบันที่มีความตั้งใจจริงๆ และการปฎิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษาเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับชีวิตของประชาชน ซึ่งท่านทั้งหลายจะได้ช่วยกันพยุงความยุติธรรม ความเรียบร้อยของประเทศ ทั้งนี้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าท่านปฎิบัติตามคำที่ปฏิญาณตนจะช่วยให้ประเทศมีความเรียบร้อยได้อย่างแน่ นอน การที่ประเทศมีผู้ที่ตั้งใจทำหน้าที่อย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งที่สำคัญมาก นอกจากความเรียบร้อยที่จะเกิดขึ้น เป็นการแสดงว่ามีเจ้าหน้าที่ในประเทศที่ตั้งใจอย่างแน่วแน่ ที่จะปฎิบัติหน้าที่อย่างแน่นอน อย่างชัดเจน ตั้งใจที่จะรักษาเอาไว้ซึ่งความเรียบร้อยของประเทศ ทำให้ประชาชนทั่วไปมีกำลังใจในตัวที่จะปฎิบัติงานของตนอย่างซื่อสัตย์สุจริต เหมือนกัน

เชื่อว่าการที่ท่านแสดงเป็นตัวอย่างที่ดีของผู้พิพากษาจะทำให้เป็นความ ตั้งใจของประชาชนทั่วไป ที่จะตั้งใจทำงานทำการอย่างเคร่งครัด อย่างสุจริต การที่ท่านมารับหน้าที่เป็นการที่ดีที่จะช่วยให้ประเทศชาติปฎิบัติตน คนในชาติปฎิบัติตน ให้มีความเคร่งครัด ความสุจริต

ในประเทศอาจจะมีคนที่ลืมหน้าที่ของตนได้ ก็ท่านแสดงเป็นตัวอย่างว่ามีผู้ปฎิบัติหน้าที่ได้อย่างเคร่งครัด อย่างสุจริต ฉะนั้นท่านมีหน้าที่ที่สำคัญมาก ที่ได้ปฏิญาณตนว่า จะรักษาความยุติธรรมโดยเคร่งครัดนี้ จะช่วยให้ประชาชนทั่วไปปฎิบัติงานของตนมีความเรียบร้อยมีความซื่อสัตย์ สุจริตได้อย่างมากที่สุด

การบำเพ็ญตนเป็นผู้สุจริตเป็นสิ่งซึ่งไม่ใช่ง่าย ฉะนั้นท่านก็ได้ปฏิญาณตนนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ ถ้าท่านเปิดใจตลอดว่า ต้องปฎิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งถ้ามีบุคคลที่ปฎิบัติดีชอบ มีความแน่วแน่ มีความตั้งใจ ก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้คนอื่นปฎิบัติตนได้ดี ฉะนั้นสำคัญมากที่ท่านได้มาปฏิญาณตนว่าจะทำอะไรในหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เข้มแข็ง และรักษาความซื่อสัตย์สุจริตนี้ไว้ตลอดเวลาที่ท่านปฎิบัติหน้าที่ ตลอดชีวิต แสดงว่ามีคนที่อุ้มชูความเรียบร้อยของประเทศจำนวนหนึ่ง ก็ขอให้ท่านได้สามารถรักษาความตั้งใจของหน้าที่ตามที่ได้มีปฏิญาณตลอดเวลา เป็นตัวอย่างสำหรับคนทั่วประเทศให้มีกำลังใจที่จะปฎิบัติงานอย่างซื่อสัตย์ สุจริต ดังที่ท่านได้ปฏิญาณ

ขอให้ท่านรักษาความซื่อสัตย์สุจริตที่ท่านได้กล่าวมาเมื่อครู่นี้ จะเป็นทางที่ช่วยให้บ้านเมืองมีความเจริญมั่นคง แน่นอน และในคราวเดียวกัน ท่านเองจะได้ถือว่าเป็นตัวอย่างสำหรับประชาชนทั่วไป ทั้งผู้ที่เป็นข้าราชการ ทั้งผู้ที่ทำหน้าที่ต่างๆ จะช่วยกันอุ้มชูประเทศชาติให้อยู่เย็นมีความผาสุก มีความเข้มแข็งในการงาน และก็ทำให้งานการนั้นมีความสำเร็จเรียบร้อย ทำให้ทุกคนมีความสุขได้ ก็ขอให้ท่านรักษาคำปฏิญาณนี้โดยเข้มแข็ง เชื่อว่าท่านจะได้มีความสุขในการปฎิบัติหน้าที่ที่ดี

ขอให้ท่านปฎิบัติหน้าที่ได้ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต อย่างที่ท่านได้กล่าว อันเป็นสิ่งที่ท่านมีส่วนในการสร้างบ้านเมืองให้ดี ในเวลาเดียวกัน ท่านก็สร้างตัวท่านเองให้เป็นคนที่ดี เป็นคนที่มีความสำเร็จ ก็ขอให้ท่านปฎิบัติหน้าที่ด้วยความเรียบร้อยตลอดชีวิตของท่าน และขอให้ท่านได้มีความสำเร็จในงานการ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่สูงสุดในการปฎิบัติงาน คนที่เป็นคนสำคัญในชาติคือผู้พิพากษา ขอให้ท่านได้มีความสำเร็จในงานการ ในเวลาเดียวกัน ท่านก็จะมีความสุขที่ได้ทำงานอย่างครบถ้วน ขอให้ท่านมีความสำเร็จในงานการดังกล่าว

เสื้อแดงปทุมกระเจิง ทหาร-ตร.สลายด่าน อีกหลายจังหวัดฮือสกัดเจ้าหน้าที่

ตร.-ทหารสลายด่านแดงปทุมฯได้แล้ว ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต การ์ดแดงจับตร.พกปืนแฝงตัวร่วมตั้งด่านวังน้อย/ เสื้อแดงล้อมกองบังคับการตร.แปดริ้ว โรยตะปูเรือใบสกัดเข้ากรุง ตั้งด่านสระบุรี อุดร ขณะที่พิษณุโลกโดนตีแตกเช่นกัน

ตร.-ทหารสลายด่านแดงปทุมฯ กระเจิงทั้งหน้าวัดธรรมกาย-ตลาดไท
เวลา 18.25 น. รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือคนเสื้อแดง ที่ตั้งด่านสกัดเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจที่มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ บริเวณหน้าวัดธรรมกาย และตลาดไท ย่านรังสิต จ.ปทุมธานี ได้สลายตัวแล้ว หลังเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังเข้าสลายการตั้งด่านดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด ส่งผลให้การจราจรบนถนนพหลโยธินขาเข้าสัญจรได้ปกติ

ก่อนหน้านี้ เวลา 17.30 น.ทหารและตำรวจปราลจลาจลจำนวนมากเดินทางจากกรุงเทพมหานคร เข้าสลายการชุมนุมบริเวณดังกล่าว โดยมีอาวุธครบมือ และเดินเรียงหน้าเข้าไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมที่ปิดถนนพหลโยธิน พร้อมกับยิงปืนกระสุนยางเข้าไป ทำให้กลุ่มชาวเสื้อแดงกว่า 500 คน หนีแตกกระเจิงไปทางถนนสีขาว หน้าวัดพระธรรมกาย พร้อมทั้งจุดไฟเผายางรถยนต์บริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลทางโขลง ทำให้เกิดกลุ่มควันดำคลุ้งไปทั่วบริเวณ ทั้งนี้เ จ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวคนเสื้อแดงไว้ได้จำนวนหนึ่ง ก่อนที่จะสลายกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงออกไปพ้นถนนพหลโยธินสำเร็จโดยใช้เวลา ประมาณ 40 นาที สามารถจับกุมกลุ่มคนเสื้อแดงได้ 40 คน

ส่วนความเคลื่อนไหวที่เวทีราชประสงค์นั้น เวลา 18.00 น. นายจตุพร พรหมพันธ์ รองประธาน นปช. ได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยระบุว่า ขอให้ นปช. ปทุมธานี อยุธยา และ นนทบุรี ระดมกำลังไปช่วยคนเสื้อแดงที่ ตลาดไท รังสิต เนื่องจากมีทหารได้นำกำลังพลไปปิดล้อม จึงขอให้ไปปิดล้อมทหารอีกที

ทั้งนี้ การตั้งด่านปิดกั้นถนนย่านปทุมธานีนั้นเริ่มต้นตั้งแต่เวลา 11.00 น. กลุ่ม นปช. จากคลองสี่ ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ได้ยกกำลังกว่า 200 คน ได้ปิดกั้นถนนพหลโยธิน ขาเข้ากรุงเทพ กม.43-200 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อไม่ให้รถเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเข้ากรุงเทพฯ เพราะกลัวว่า จะเข้ามาสลายกลุ่มคนเสื้อแดงที่สี่แยกราชประสงค์ โดยอ้างว่ามีตำรวจมะเขือเทศแจ้งข่าวว่าจะมีการนำกำลังตำรวจจำนวน 7 กองร้อยจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือเดินทางเข้ากรุงเทพฯ จึงได้ตั้งจุดตรวจที่ปากทางเข้าวัดพระธรรมกาย ต่อมาเวลา 13.00 น. กลุ่มแกนนำ อ้างว่าได้รับแจ้งอีกครั้งว่า ตำรวจมีการเปลี่ยนส้นทางเข้าถนนมอเตอร์เวย์แทน โดยจะผ่านในช่วงเวลา 13.30 น. ไปแล้ว ทำให้กลุ่มแกนนำประกาศให้ผู้ชุมนุมไปร่วมกันปิดถนนพหลโยธินก่อนเลี้ยวเข้า ถนนมอเตอร์เวย์โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงมาสมทบซึ่งมีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ กว่า300 คันและมีผู้คนประมาณ 500 คนได้มาร่วมกันตั้งจุดตรวจ ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจเข้าทำการสลายในที่สุด

อยุธยา - นปช.กักตัว 6 พลทหาร
เวลา 15.00 น. มีรายงานข่าวว่า กลุ่มนปช. ที่ตั้งด่านช่องคู่ขนานบนเส้นทางถนนพลโยธินขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงหลัก กม.56 ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นทางแยกก่อนจะเข้าถนนวงแหวนตะวันออก หรือมอเตอร์เวย์ ได้ควบคุมตัวพลทหาร 6 นาย ไม่ทราบสังกัด ซึ่งใส่ชุดทหาร ที่โดยสารมากับรถประจำทางและรถยนต์กระบะ พร้อมเชิญตัวมาสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่จะเดินทางเข้าไปปฏิบัติ หน้าที่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครหรือไม่ หากไม่เกี่ยวข้องก็จะปล่อยตัวกลับไป ซึ่งล่าสุดพบว่าพลทหารทั้ง 6 นายระบุว่ากำลังจะกลับบ้านที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก่อนที่กลุ่ม นปช. ได้เคลื่อนไปสมทบกับ นปช.อีกกลุ่มที่ปิด ถนนพลโยธิน บริเวณด้านหน้าตลาดไทย จ.ปทุมธานี โดยได้นำทหารทั้ง 6 นายขึ้นรถขยายเสียงของกลุ่ม นปช. ไปด้วย


การ์ดแดงจับตร.พกปืนแฝงตัวร่วมตั้งด่านวังน้อย เจ้าตัวอ้างเป็นแตงโม
รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างกลุ่มเสื้อแดงตรวจค้นรถบนถนนพหลโยธิน ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อสกัดรถตำรวจที่มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ เนื่องจากเกรงว่าจะสมทบกำลังเพื่อสลายการชุมนุม การ์ดของกลุ่มเสื้อแดงได้ควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี รายหนึ่ง ซึ่งสวมเสื้อแดง โดยตามกลุ่มเสื้อแดงมาจากหน้าโรงงานกษาปณ์ จ.ปทุมธานี และพบว่าตำรวจรายนี้พกอาวุธปืน ขนาด 9 มม. เข้ามายืนปะปนในกลุ่มผู้ชุมนุมที่ปิดถนนอยู่ด้วย ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมได้ยึดปืนดังกล่าวไว้แล้ว อ้างว่าจะคืนให้ในภายหลัง

เจ้าหน้าที่ตำรวจนายดังกล่าวอ้างว่าเป็นสมาชิกเสื้อแดง ไม่ได้ปลอมตัวเข้ามาทำงาน แต่มาปิดถนนด้วยเพราะชอบเสื้อแดง เพียงแต่ช่วงที่มากันกลุ่มเสื้อแดงได้ลืมนำปืนพกประจำตัวเก็บไว้ที่บ้านเท่า นั้น

สลายม็อบปิดถนนพหลโยธินจับแดง11คน
เวลา 20.00 น.ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) พ.ต.อ.วิสูตร ฉัตรชัยเดช รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ปทุมธานี แถลงถึงกรณีที่กลุ่ม นปช.ปิดถนนตรวจค้นรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะเดินทางเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ใน กรุงเทพฯว่า แกนนำได้นำรถติดเครื่องขยายเสียงปราศรัย และปิดกั้นถนพหลยินขาเข้าช่องทางด่วน ทำให้ประชาชนเดินทางไม่สะดวก จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบจนได้รับคำสั่งเมื่อเวลา 17.00 น.นำกำลังตำรวจภูธรภาค 1 และภาค 7 สนธิกำลังกับทหารส่วนหนึ่งเข้าไปดำเนินการตรวจจับกุมผู้ที่ประท้วงบริเวณดัง กล่าวซึ่งจากการดำเนินการประสบความสำเร็จ แต่กลุ่ม นปช.บางส่วนหลบหนีไปได้ โดยขณะนี้ได้มีการจับกุมทั้งสิ้น 11 คน เป็นชาย 9 คน หญิง 2 คน และยึดรถในการกระทำความผิด 13 คัน ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนดำเนินคดีอยู่ ส่วนแกนนำสามารถหลบหนีไปได้ ซึ่งเมื่อมีเหตุเจ้าหน้าที่พยายามดำเนินการอย่างละมุนละม่อม เพื่อความสะดวกของประชาชน

"ในเรื่องการปิดถนน มีคำพิพากษาของศาลระบุไว้ชัดเจนเรื่องความผิดที่มีกลุ่มบุคคล 10 คนทั่วไปเข้าไปดำเนินการใดๆมีความผิดตามกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งพื้นที่ อ.วังน้อย จ.อยุธยาและอ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีเป็นพื้นที่ที่อยู่ในประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเราดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ตำรวจพยายามอย่างเต็มความสามารถในการทำตามขั้นตอนหลักสากล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเจรจา ซึ่งเมื่อวานประสบความสำเร็จ แต่วันนี้ต้องมีการดำเนินการบ้าง ในส่วนที่เข้าไปจัดการให้สถานการณ์ดีขึ้น และให้ประชาชนเห็นว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ละเลย หรือใส่เกียร์ว่าง อย่างที่หลายคนเข้าใจ โดยเราจะทำให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด ส่วนที่มีการมองว่า ส.ส.เข้ามาเกี่ยวข้องนั้น เบื้องต้นเรามีชื่อแกนนำอยู่ ส่วนส.ส.ขณะนี้ยังไม่มีชื่อปรากฏ ซึ่งเราจะเร่งรัดทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้เร็วที่สุด"

พล.ต.ต.บุญส่ง พานิชอัตตา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ร้องเรียนที่พักอาศัยย่านสารสินกับผู้โดยสารรถไฟฟ้าสถานีสยามว่า ถูกการ์ดนปช. ตรวจค้นในขณะผ่านบริเวณดังกล่าว ซึ่งได้สั่งตำรวจไปประจำจุดละ 4 นายตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อป้องกันไม่ให้การ์ดนปช.เข้าไปตรวจค้นกลุ่มคนที่ไม่ได้เกี่ยว ข้อง ซึ่งถือเป็นการรบกวนสิทธิ์ของเขา หากประชาชนประสบปัญหาแจ้งได้ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล หรือสถานีตำรวจปทุมวัน หรือลุมพินีได้ตลอดเวลา

เตรียมดำเนินคดีแกนนำปิดหน้าโรงกษาปณ์คืนวาน
ด้านพ.ต.อ.วิสูตร ฉัตรชัยเดช รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ปทุมธานี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมมีการปิดถนนเส้นทางการจราจรบริเวณถนน พหลโยธินทางเข้าใกล้กับโรงงานกษาปณ์หมู่4 ต.คลองหนึ่งอ.คลองหลวงจ.ปทุมธานี ว่า กลุ่มผู้ชุมนุมที่นำกำลังมวลชนคนเสื้อแดงกว่า 500 คนไปปิดถนนพหลโยธินขาเข้าโดยการนำกระบะมาปิดกั้นถนนด้านขาเข้าทางด่วน และเส้นคู่ขนาน และมีการใช้เครื่องขยายเสียง เปิดปราศรัยโจมตีรัฐบาลและตำรวจอยู่ตลอดเวลานั้น กลุ่มผู้ชุมชุมใช้กำลังปิดล้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 4 กองร้อย จาก จ.นครพนม จ.ชัยนาท จ.ลพบุรี และ จ.นครสวรรค์ รวม 538 คน มีรถกระบะ รถบรรทุก พร้อมอุปกรณ์จำนวน 53 คัน ซึ่งหลังจากที่มีการปิดถนนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1 ได้เข้าไปพูดคุยเจรจากับแกนนำ ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมเกรงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต่างจังหวัดเข้ามาสลายม็อบในกรุงเทพฯ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำรถหลบเข้าไปข้างทางและ จอดที่บริเวณลานสนามฟุตบอลของชาวบ้านข้างเคียงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามจะต้องดำเนินคดีกับแกนนำที่นำมวลชนมา เพราะการปิดถนนถือเป็นความผิดที่ชัดเจน และจะรวบรวมหลักฐานที่มีการนำกลุ่มผู้ชุมนุมมาปิดกั้นถนน และใช้เครื่องขยายเสียงปราศรัยโจมตีอย่างแน่นอน ที่ผ่านมามีบางฝ่ายต้องการให้ตำรวจดำเนินการจับกุม หรือสลายการชุมนุม แต่เราคิดว่าการเจรจาน่าจะประสบผลสำเร็จจึงใช้การเจรจาการที่ตำรวจถอยกำลัง ออกไม่ถือว่าเป็นการเสียหน้า


สมุทรปราการ - เสื้อแดงปาก น้ำรวมตัวตั่งด่านสกัดทหารและตำรวจ
เวลา 16.15 น.พ.ต.อ.ศิริชัย ครูประเสริฐวัฒนา ผกก.สภ.สำโรงเหนือ สมุทรปราการ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 50 นายได้ร่วมกันนำแผ่นพับการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินจำนวน 500 แผ่น ห้ามชุมนุมตั้งแต่ 5 คน ให้แก่ประชาชนกลุ่มคนเสื้อแดงที่เดินทางเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่หน้าสถานี วิทยุชุมชนคลื่น 101.25 Mhz. ผู้กล้าประชาธิปไตยมาตุภูมิเรดิโอ ซึ่งตั้งอยู่ที่อาคารศูนย์ประสานงานวิทยุชุมชน จ.สมุทรปราการ เลขที่ 1747/19-20 ม.4 ภายในตลาดปู่เจ้าสมิงพราย ต.เทพารักษ์ อ.เมืองสมุทรปราการ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที จึงเสร็จสิ้น โดยไม่มีเหตุความวุ่นวายแต่อย่างใด

ต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดเดิมได้นำกำลังเดินทางไปยัง อาคารโจนาธานแมนชั่น เลขที่ 999/101 ม.1 ภายในตลาดสำโรง ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง สมุทรปราการ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ สถานีวิทยุเพื่อประชาชนคลื่น 97.25 Mhz พร้อมแจกแผ่นพับประกาศให้กลุ่มคนเสื้อแดงที่มาเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่หน้า สถานี กว่า 100 คน รวมตัวคุมเชิงอยู่ด้านหน้า ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าแจกประกาศอย่างสะดวก พร้อมส่งเสียงโห่ร้องกดดัน แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังคงทำหน้าที่แจกจ่ายแผ่นพับจนแล้วเสร็จก่อนที่จะนำกำลัง กลับออกมา

หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ สมุทรปราการ ได้เข้าแจกจ่ายแผ่นพับการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้แก่กลุ่มคนเสื้อแดงสมุทรปราการ ต่อมาในช่วงเย็นเวลาประมาณ 18.00 น.ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 50 คนได้เดินทางมาที่ตั้งด่านสกัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารไม่ให้เดินทาง เข้ากรุงเทพมหานคร ที่บริเวณถนนสุขุมวิท ขาเข้านครบาล ก่อนถึงสามแยกซอยแบริ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 50 เมตร ที่ตั้งอยู่เขตติดต่อระหว่างสมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร ก่อนถึงซอยลาซาน ทำให้การจราจรติดขัดยาวหลายกิโลเมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่จะใช้เส้นทางดังกล่าวเข้า กทม.เลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นแทน

สระบุรี- ปิดถนนสายสระบุรี-หล่มสัก ตั้งด่านหนองแค
เวลา 11.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 100 คน ทำการปิดถนนสายสระบุรีหล่มสัก บริเวณ 4 แยกราหุล อ.บึงสามพัน ฝั่งขาเข้า กรุงเทพมหานคร เพื่อทำการสกัดกั้นขบวนรถยนต์เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ทำการปล่อยแถวในช่วงเช้าที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวน 150 นาย โดยใช้รถยนต์จำนวน 15 คัน ซึ่งจะเดินทางเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ยังกรุงเทพมหานคร โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้ทำการโบกสกัดรถยนต์ที่ขับผ่านไปมา เพื่อสำรวจดูว่ามีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจแอบแฝงไปกับรถยนต์หรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณ 4 แยกราหุล ก็ได้ออกมาห้ามการกระทำดังกล่าวเพราะถือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย

เวลา 14.00 น. กลุ่ม นปช. สระบุรี ประมาณ 50-60 คนตั้งจุดตรวจสกัดทหารที่จะเข้า กทม. ระหว่าง กม.ที่ 90-91 ถ.พหลโยธิน ขาล่องเข้ากทม. หมู่ที่ 14 ต.ห้วยขมิ้น อ.หนองแค จ.สระบุรี ทั้งเส้นทางด่วน และเส้นคู่ขนาน ส่งผลให้การจราจรเคลื่อนตัวได้ช้า ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาตรวจสอบ แต่ทำได้เพียงให้คำแนะนำการตรวจรถต่างๆ เพื่อมิให้เป็นการกีดขวางการจราจร โดยไม่มีเหตุรุนแรงแต่อย่างใด

ฉะเชิงเทรา - ล้อมกองบังคับการตร.แปดริ้ว พบตะปูเรือใบถูกโรยทั่วเมือง
เวลา 13.00 น. ที่หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา มีกลุ่ม นปช.ประมาณ 200 คน นำรถยนต์โดยสารสองแถวจำนวน 15 คัน พร้อมรถจักรยานยนต์จำนวนหนึ่งไปปิดประตูทางเข้าออกทั้ง 3 ด้าน พร้อมกับปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล ที่มีการใช้อาวุธทำร้ายประชาชนจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายคน รวมทั้งกล่าวถึงการนำกลุ่มคนมาปิดทางเข้าออก เพราะไม่ต้องการเห็นตำรวจและเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้กำลังปราบปรามประชาชน ขณะเดียวกัน มีการนำตะปูเรือใบไปโรยตามจุดต่างๆ หลายแห่ง


อยุธยา – ตั้งด่านยึดรถตู้ ตร.ลพบุรี5คัน อีก9คันไหวตัวทัน
เวลา 12.00 น. กลุ่ม นปช เกือบ 100 คน ตั้งด่านสกัดขบวนรถตู้ตำรวจภูธร จ.ลพบุรี จำนวน 14 คัน ซึ่งจะเดินทางเข้าไปเสริมกำลังดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมแยกราชประสงค์ ริมถนนสาย 347 บางปะหัน – ปทุมธานี หลัก กม.39 หน้าปั๊มน้ำมันบางจาก ม.3 ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา นำโดยนายสุรเชษฐ์ ชัยโกศล ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย ซึ่งได้หยุดรถตู้ตำรวจไว้ได้ 5 คน รวมตำรวจ 55 นาย ส่วนที่เหลืออีก 9 คันสามารถวิ่งเลี้ยวแยกออกเข้าถนนสายรอง และหนีรอดไปได้ ต่อมามีนายตำรวจระดับสูงเดินทางเข้ามาเจรจากับแกนนำขอให้ปล่อยรถตู้ แต่กลุ่ม นปช. ไม่ยอม ท้ายที่สุดได้ข้อสรุปให้นำรถตู้ 5 คัน พร้อมตำรวจทั้งหมดไปจอดรวมกันที่ สภ.บางบาล ที่ห่างไป 6 กม. โดยมีกลุ่ม นปช. เฝ้ารถตู้ทั้ง 5 คันอย่างใกล้ชิด


พิษณุโลก - ตชด.31ตะลุยฝ่าวงล้อมกลุ่มเสื้อแดงสอง แควเข้ากรุง
เวลา 12.50 น . ที่บริเวณทางเข้าค่ายเจ้าพระยาจักรี กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 31 ( กก.ตชด.31) ต.ท่าทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังจากถูกปิดล้อมเป็นเวลาร่วม 5 ชั่วโมง ในที่สุด กองร้อยควบคุมฝูงชนของกก . ตชด .31 ได้ตัดสินใจที่จะฝ่าม็อบเสื้อแดงพิษณุโลก ที่ปิดทางเข้าออกหน้าค่ายฯไว้ โดยค่อย ๆ เคลื่อนขบวนรถบรรทุก ที่ขนกองร้อยควบคุมฝูงชนจำนวน 150 นาย ออกจากหน้าประตูค่าย ผ่านถนน มุ่งเข้าสู่ฝูงชนเสื้อแดงพิษณุโลกที่มีจำนวนประมาณ 100 คน โดยกลุ่มคนเสื้อแดงนำสิ่งของมาตั้งกีดขวาง จากนั้น ตำรวจฯ ได้ลงจากรถ พร้อมไม้กะบอง เดินนำหน้าขบวนรถ เจรจาให้เปิดทาง แต่ผู้ชุมนุมไม่ยอมจึงมีการปะทะกันประมาณ 10 นาที มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ท้ายที่สุด ขบวนของกองร้อยควบคุมฝูงชนก็สามารถฝ่าด่านเสื้อแดงออกมาได้ และกลุ่มคนเสื้อแดงได้ประสานให้จังหวัดนครสวรรค์คอยสกัดต่อไป

นางสุดาพร จันทรมณี แกนนำเสื้อแดง กล่าวว่าที่กลุ่มเสื้อแดงพิษณุโลกมาครั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจตระเวนชายแดนไปได้รับอันตรายจากการปฏิบัติหน้าที่ในกรุงเทพฯ แต่กลับมาถูกเจ้าหน้าที่ทำร้าย และมีคนส่วนหนึ่งได้ไปแจ้งความก่อนสลายตัว


อุดรธานี - ฮือยึดรถทหารกลับจาก3 จว.ภาคใต้
เวลา 18.00 น.ขณะที่ขบวนรถไฟลำเลียงรถบรรทุกทหาร ที่ประกอบด้วยรถยีเอ็มซี รถยูนิมอค และรถฮัมวี่ จากค่ายทหารที่ตั้งในจ.นครพนม ที่กลับจากการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถึงสถานีรถไฟอุดรธานี ได้ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงบุกเข้ายึดรถทหารไว้ได้ทั้งหมด พร้อมกับทหารที่ประจำรถ จำนวน 37 นาย และมีการเจรจากันระหว่างสองฝ่าย





เรียบเรียงจาก เว็บไซต์มติชน เว็บไซต์คมชัดลึก เว็บไซต์สำนักข่าวแห่งชาติกรมประชาสัมพันธ์

รายงานจาก BirdEyeView.multiply: บันทึกแยกศาลาแดง... จากปากคำของผม

Apr 23, 10 1:00 AM
เวลาที่บันทึกใน birdeyeview.multiply.com

แน่นอนในช่วงเวลาแห่งความสับสนเช่นนี้ทุกคน ต้องใช้วิจารณญาณอย่างยิ่งยวดในการรับฟังข้อมูลไม่ว่าจากแหล่งใดก็ตาม รวมถึงถ้อยคำของผม...
หลังจากสถานการณ์คุกรุ่นที่ถนนสีลมและแยกศาลาแดง นับแต่วันจันทร์ที่ผ่านมาถึงเมื่อคืนนี้ (พฤหัส 22 เมษายน 2553) ผมได้แวะเวียนไปบริเวณนี้ ทุกวัน เช่นวันก่อนหน้าที่จะเข้าไปจอดรถอยู่ที่ตึกโรบินสันสีลม ต่างกันเพียงวันนี้เจ้าหน้าที่ตึกไม่อนุญาตให้ผมนำรถเข้าไปจอดอีกต่อไป
ก่อนอื่นผมจะทบทวนให้ฟัง
ในวันพุธ (21 เมษา) ผมไปถึงถนนสีลมประมาณเกือบห้าโมงเย็นและได้เข้าไปจอดรถในตึกโรบินสัน บางรักเตร็ดเตร่ไปเรื่อยจนช่วงกลางคืน มีเพื่อนตามมาสมทบพร้อมทั้งหิ้วของพะรุงพะรังกันมาจึงตกลงกันว่าจะเอาของไป เก็บที่รถผมก่อน ปรากฏว่าเมื่อจะขึ้นไปที่จอดรถคราวนี้ ตึกก็ปิดเสียแล้ว เจ้าหน้าที่จะไม่ขึ้นไปต้องยืนยันกันอยู่นานว่ามีรถจอดอยู่ในตึกจริง รถจอดอยู่ที่ชั้น 9 มีเจ้าหน้าที่ประกบผมไม่ให้ถ่ายรูปเด็ดขาด จากนั้น สั่งให้ย้ายรถลงมาอยู่ที่ชั้น 7 แล้วจะกักตัวผมไว้ไม่ให้ลงไปข้างล่างตึก ต้องเจรจากันอยู่สักพักจึงอนุญาต เมื่อลงมาแล้วผมถามพี่ รปภ.ว่ามีห้องน้ำให้เข้าไหม พี่แกบอกว่ามีชั้น 7 คิดก็คิดหนักเพราะเพิ่งลงมาได้ แต่ว่าทนไม่ไหวจริงๆ จึงขึ้นไปอีกรอบหนึ่ง ประตูลิฟต์เปิดคราวนี้ ต่างกับตอนก่อนลงมาเลย มีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายคนในพื้นที่ หน้าห้องน้ำก็มีกันอีก 3-4 คน ถือเครื่องส่งวิทยุรายงานอะไรกันอยู่
ก่อนลงจากลิฟต์มาอีกครั้งเจ้าหน้าที่ถามว่า วันนี้ไม่มีอะไรป้องกันตัวเหรอ ผมจึงบอกว่ามาประจำก็ไม่เห็นมีอะไร ทำไมครับพี่... วันนี้จะมีอะไรเหรอ
"ตอนนี้ยังไม่มี"
ใช่ครับ ตอนนั้นยังไม่มี แต่เหตุการณ์ช่วงดึกของคืนวันพุธเป็นอย่างไรก็คงทราบกัน
....
หลังจากเมื่อวานนี้ที่ผมจะเข้าไปจอดรถอีกครั้งเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต เลยต้องเสียเวลาหาที่จอดก่อนจะกลับมาที่แยกศาลาแดงได้ก็ประมาณทุ่มครึ่ง วันนี้ มีมวลชนมากกว่าทุกวันที่ผ่านมาแม้เวลาจะล่วงเข้าสู่เวลาค่ำแล้วก็ตาม ผมเดินถ่ายรูปไปเรื่อยจากช่วงหน้าโรงแรมดุสิตธานีหน้าแม็คโดนัลด์
ชัดเจนว่าคราวนี้มีรูปแบบการจัดตั้งที่เป็นระบบกว่าเดิม มีรถขยายเสียงจอดอยู่บนผิวถนนพร้อมมวลชนสองฝั่งถนนประมาณ 1 พันคน
ขณะที่กำลังมองผ่านวิวไฟน์เดอร์เพื่อจะถ่ายรถขยายเสียง คันนี้เอง ผมเห็นความผิดปกติบางอย่างจึงยังไม่ทันได้กดชัตเตอร์ พอเงยหน้าก็เป็นรถมอเตอร์ไซด์ 3 คัน ขับแบบตามกันมา ทุกคันมีธงสีเหลืองขนาดใหญ่อยู่ ผมจำไม่ได้จริงๆ ว่ามีคนซ้อนถือด้ามธง หรือว่าใช้วิธีเสียบไปในเสื้อด้านหลังของคนขี่ แต่หลังจากทั้ง 3 คัน ขับผ่านไปถึงที่แยกแล้วนั้น…
บึ้มมมมมมมม....
เสียงดังกึกก้องทำให้ผมเงยหน้ามองด้านบนเพื่อจะมองว่าเกิดอะไรขึ้น คราวนี้เอง ผมเห็นควันและประกายไฟบินผ่านหน้าผมไปอีกครั้ง ก่อนจะเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นอีก 2 ลูก
ตอนแรกผมคิดว่าเป็นพลุมากกว่าอย่างอื่น เหมือนกรณีเมื่อคืนก่อนหน้า (วันพุธ)
จนหลังผ่านช่วงเวลาแห่งความสับสนนั้นเอง การลำเลียงคนเจ็บลงมาจากสถานีรถไฟฟ้า จึงรู้แล้วว่าสถานการณ์อันตรายมากแล้ว ในเบื้องต้นพบกว่าผู้บาดเจ็บจาก m79 สามลูกนี้มีชาวต่างชาติ 1 คน และคนไทย 1 คน เป็นผู้ชายทั้งคู่ ทหารพาผู้บาดเจ็บขึ้นรถพยาบาลก่อนตรึงกำลังทางขึ้น-ลงรถไฟฟ้าศาลาแดงทุกจุด พร้อมให้ร้านค้าทั้งหมดเก็บข้าวของกลับบ้าน
สิ่ง ที่ผมเห็น...
ย้อนกลับไปช่วงมอเตอร์ไซด์ขับผ่านทั้ง 3 คัน ตามกันมาโดยทุกคันมีธงสีเหลืองขนาดใหญ่อยู่ ทันทีที่รถผ่านแยกไป มีเสียงบึ้มดังขึ้นทันที ผมเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบนผมควันและประกายไฟผ่านหน้าผมไปอีก 2 ลูก แล้วเสียงบึ้มก็ดังตามมาอีก 2 ครั้ง
ไม่ใช่พลุ... แต่เป็น m79
ยิงมาทางไหน???
จุดที่ผมบอกว่ายืนอยู่ก็คือหน้ากระโปรงรถขยายเสียง จะเป็นผิวถนนฝั่งหน้าแม็คโดนัลด์ เลนติดเกาะกลาง บนหัวผมจะมีตึกโรบินสัน สะพานลอย และแนวรถไฟฟ้า ภาพที่ผมเห็นอยู่ในช่วงกรอบนี้ ทิศทางควันและประกายไฟ วิ่งเข้ามาจากด้านใกล้ๆ ตึกโรบินสันแล้วพุ่งออกไปที่สถานีรถไฟฟ้า
ถ้าให้ผมประเมินชัดๆ ก็คือ m79 ทั้งสามลูกนี้มีความเป็นไปได้ที่จะมาจาก 3 จุด เท่านั้นคือ ตึกโรบินสัน สะพานไทย-ญี่ปุ่น หรือ รพ.จุฬา
และผมมั่นใจมากว่า มอเตอร์ไซด์ 3 คันนั้นคือการส่งสัญญาณ เพราะธงที่ใช้ทั้ง 3 คันนี้ไม่เหมือนธงผู้ชุมนุมในบริเวณนั้นเลย รวมถึงผมไม่เห็นธงลักษณะนี้อีก ทั้งก่อนหน้าและเกิดเหตุอันเลวร้ายนี้ขึ้น แน่นอนรถมอเตอร์ไซด์ 3 คันนี้ วิ่งออกไปทางที่ยิง m79 สวนมานั่นแหละ
....
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดแบบขีดสุดในเวลานั้น เจ้าหน้าที่ทหารจ่อปืนขึ้นไปบนสถานีรถไฟฟ้า และกล่าวผ่านเครื่องขยายเสียงให้ทุกคนออกจากพื้นที่ ถนนสีลมทั้งขาเข้าและขาออกถูกปิดทั้งหมด ผมเดินย้อนกลับไปที่บริเวณหน้าโรงแรมดุสิตธานีอีกครั้ง ผู้คนส่วนใหญ่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ทหาร จากตอนแรกที่ยืนกันหน้าสถานีรถไฟใต้ดินกันร่วมพันคน ตอนนี้เหลือเพียงเกือบร้อยคนเห็นจะได้ ผมจำหน้าหลายคนได้ จากที่ได้มาบริเวณนี้ทั้ง 4 วัน บางคนก็เจอทุกวัน และผมมั่นใจว่าส่วนใหญ่มาเพื่อต้องการแสดงจุดยืนด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าเค้าเหล่านั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง ?
ผมเดินข้ามถนนกลับมาทางหน้าแม็คโดนัลด์ ชวนเพื่อนผมเดินไปทางด้านขาออกที่จอดรถของตึกโรบินสันเพื่อคุยกันถึง สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะยืนอยู่บริเวณหัวมุมถนนแยกนั้นเอง เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ในบริเวณที่ผมเพิ่งเดินจากมา
บึ้มมมมมมมมม!!!
แรงระเบิดครั้งนี้ทั้งแรงและรู้สึกใกล้ตัวมากๆ แม้จะอยู่กันคนละฝั่งถนน บางคนถูกแรงกระแทกล้มลง หน้าอกเหมือนถูกอะไรกดหนักๆ ลงมา พวกเราวิ่งกลับไปที่ด้านหน้าประตูแม็คโดนัลด์ (ประตูพระราม 4) ทันที จากนั้นจึงไปเดินย้อนกลับไปโดยยืนอยู่หน้ากระจกร้านแม็คโดนัลด์ซึ่งจะอยู่ สูงกว่าพื้นฟุตบาทประมาณเมตรกว่าๆ มองไปทางจุดที่เพิ่งเกิดเหตุขึ้น
ผมยืนยันว่าในบริเวณนั้นขณะเกิดเหตุ มีประชาชนอยู่ไม่ถึงร้อยคนแน่นอน ซึ่งหากใครได้ดูตามข่าวช่องทางใดก็ตามจะพบว่าส่วนใหญ่รายงานว่ามีอยู่ประมาณ 1 พันคน ใช่ครับตอนแรกนะ แต่หลังจาก m79 ลงไปสามครั้งนั้น แทบไม่เหลือประชาชนสักเท่าไหร่แล้ว ถ้าตามข่าวรายงานว่ามีผู้บาดเจ็บ 75 คน 3 ลูก แรกไม่มีคนเจ็บเท่าไหร่ ก็เห็นจะเป็นลูกนี้ล่ะครับที่แรงที่สุด และยิงลงมาตรงที่ผู้คนยืนอยู่กันจริงๆ
และจากจุดที่ผมยืนหน้ากระจกแม็คโดนัลด์นั่นเอง ต่อหน้าต่อตาเลยกับลูกสุดท้ายที่หน้าโรงแรมดุสิตธานี
ผมยอมรับครับที่ไม่มีภาพให้ดู เพราะมือไม้มันอ่อนไปหมด มันไม่มีแรง มันทำอะไรไม่ถูก พื้นด้านล่างจากจุดที่ผมยืนอยู่ก็มีรอยเลือดเป็นทาง ความสับสนที่เกิดขึ้น รถพยาบาลที่ตอนนี้วิ่งเข้ามานับคันไม่ถ้วน โดยผมไม่อยากจะคิดว่าลูกสุดท้ายที่ลงมาหน้าดุสิตธานีเจตนาจะยิงเข้าไปใส่ที่ ตั้งของตำรวจหรือไม่ เพราะขณะที่เขียนบันทึกนี้ยังไม่รู้ว่ามีตำรวจบาดเจ็บบ้างรึเปล่า?
เอาล่ะ... ทีนี้เรามาดูจุดเกิดเหตุกันอีกที
ผมบอกอีกครั้งว่า บันทึกทั้งหมดนั้นมองผ่านมุมมองของผม และส่วนต่อจากนี้ยิ่งต้องใช้วิจารณญาณมากขึ้นอีก
m79 ลูกที่สี่ ยิงมาตกบริเวณหน้าธนาคารศรีอยุธยาพอดีเลย ซึ่งนั่นเป็นจุดที่กลุ่มเสื้อหลากสีใช้เป็นที่ชุมนุมตลอดหลายวันที่ผ่านมา
หากได้ฟังแถลงการณ์ของ ศอฉ.โดยรองนายกสุเทพ ที่กล่าวว่าผู้ก่อการร้ายนั้นยิงมาจากฝั่งสวนลุมฯ บริเวณหลังพระรูป ร.6 ซึ่งเป็นจุดชุมนุมของคนเสื้อแดง แต่ถ้าใครที่ผ่านแยกนั้นอยู่บ่อยๆ ต้องรู้ว่าสี่แยกศาลาแดง ถนนช่วงสีลมมุ่งเข้าแยกนั้น ถนนจะไม่ได้ทอดมาเป็นเส้นตรงๆ เหมือนกับเส้นพระราม 4 ที่ตัดด้านหน้าและราชดำริในขามุ่งหน้าออก แต่ถนนช่วงสีลมก่อนเข้าแยกจะมีลักษณะทแยงอยู่หน่อยๆ จุดที่ถูก m79 นั้นก็ไม่ได้ตกลงบนถนนนะครับ แต่อยู่ที่ฟุตบาทหน้าธนาคารเลย
จากที่ได้อยู่ในเหตุการณ์จริง ยืนยันว่าอย่างไรมันก็เป็นไปไม่ได้ (ไม่รู้สิผมก็ไม่รู้อีกเช่นกันว่า m79 ปั่นไซด์โค้งได้รึเปล่า?? ถ้าปั่นโค้งได้สมมติฐานผมอาจจะผิด)
จากนี้คือความรู้สึกส่วนตัว..
ผมไม่รู้ว่าใครอยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ชีวิตที่ต้องสูญเสียไป ผมขอประณามผู้ก่อเหตุในครั้งนี้
แต่ใครที่ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองโกรธเกลียดกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างถึงที่ สุด อยากให้ทุกคนลองใช้สติในการตรึกตรองสถานการณ์นี้อีกครั้ง ผมลองคิดว่าถ้าเสื้อแดงเป็นฝ่ายกระทำ ผมให้เหตุผลกับตัวเองไม่ได้ว่าเค้าจะทำไปทำไม? เพราะนับจากเหตุการณ์นี้สิ่งที่เกิดขึ้น... แน่นอน ความเกลียดชัง และ License to kill (ใบอนุญาตฆ่า) ให้เจ้าหน้าที่รัฐต่อคนเสื้อแดง
คนเสื้อแดงไม่ได้ประโยชน์เลย นอกจากการถูกประณามหยามเหยียด ถูกมองเป็นผู้ก่อการร้าย ถูกมองว่าฆ่าได้แม้แต่ผู้บริสุทธิ์ ถูกมองเป็นจำเลยสังคม และถูกสังคมมองว่าคนเสื้อแดงพวกนี้ถ้าตายไปได้ ก็จะดี...
เอาเลือดมาล้างเลือด แล้วเราจะได้อะไรคืนมา?
คนทำผิดต้องได้รับโทษ แต่เราต้องใช้สติให้มากก่อนจะพิพากษาใคร...
..........................
เพิ่ม เติมนะฮะอันนี้
อ่านสิ่งที่ผมเขียนช่วงนี้ครับ
"ยิง มาทางไหน???
จุดที่ผมบอกว่ายืนอยู่ก็คือหน้ากระโปรงรถขยายเสียง จะเป็นผิวถนนฝั่งหน้าแม็คโดนัลด์เลนติดเกาะกลาง บนหัวผมจะมีตึกโรบินสัน สะพานลอย และแนวรถไฟฟ้า ภาพที่ผมเห็นอยู่ในช่วงกรอบนี้ ทิศทางควันและประกายไฟ วิ่งเข้ามาจากด้านใกล้ๆตึกโรบินสันแล้วพุ่งออกไปที่สถานีรถไฟฟ้า"
แล้วลองดูคลิปนี้
http://www.youtube.com/watch?v=IZLCnq2B3Jo&feature=player_embedded

รูปถ่ายเมื่อเวลา 19.39 น.

รูปผู้บาดเจ็บ 2 คนแรกจากระเบิดชุดแรก 20.08.59 น.

.....................................
ที่มา: http://birdeyeview.multiply.com/journal/item/65/65
หมายเหตุจากประชาไท: BirdEyeView หรือ ทรงวุฒิ พัฒนศิลาพร เป็นช่างภาพอิสระที่เผยแผ่ภาพถ่ายแฟชั่นของเขาผ่านทางเว็บไซต์ birdeyeview.multiply.com และ birdeyeview.com ล่าสุดเขายังได้รางวัล Asian Top Fashion Photographer of the Year จากเวที Fashion Asian 2010

เว็บ "ไอซีที" ล่มชั่วขณะ "ไทยคม" แจงรายการเชื่อมั่นประเทศไทยจอดำ

เว็บ "ไอซีที" ล่มชั่วขณะ "ไทยคม" แจงรายการเชื่อมั่นประเทศไทยจอดำ

26 เม.ย. 53 เว็บไซต์ ไทยรัฐ และโพสต์ทูเดย์ รายงานว่า เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา เว็บไซต์ของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที (www.mict.go.th) ได้เกิดการขัดข้อง และล่ม อันเนื่องมาจากมีผู้ไม่ประสงค์ดีเข้าก่อกวนเซิร์ฟเวอร์ของกระทรวงไอซีที แต่ขณะนี้ กระทรวงฯ ได้เร่งดำเนินการแก้ไข และสามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้ว ทั้งนี้  แหล่งข่าวภายในกล่าวว่า การกระทำดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ เนื่องจากมีคำสั่งจากรัฐบาลโดย กองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.)ให้กระทรวงไอซีทีดำเนินการปิดเว็บปลุกระดม นอกจากนี้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้ประกาศเตือนเว็บไซต์ หนังสือพิมพ์ออนไลน์ทุกฉบับให้ระวังการถูกโจมตี เซิร์ฟเวอร์จากผู้ไม่หวังดี โดยให้ผู้ดูแลเว็ไซต์ของทุกเว็บเตรียมรับมือและหาทางป้องกัน
ไทยคมชี้แจงกรณีเกิดสัญญาณรบกวนช่องเอ็นบีที
สำนักข่าว ไทย รายงานว่าบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ชี้แจงว่ากรณีที่เกิดสัญญาณรบกวนช่องสัญญาณของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศ ไทยหรือเอ็นบีที วานนี้ (25 เม.ย.) เวลา 09.04 น. นั้น ทางบริษัทฯ ได้ตรวจพบและมีการประสานงานกับเอ็นบีที ในทันที โดยแนะนำให้ดำเนินการเพิ่มกำลังส่งสัญญาณ ซึ่งเป็นขั้นตอนการแก้ปัญหาขั้นต้นกรณีเกิดสัญญาณรบกวน
ทั้งนี้การที่เอ็นบีที เพิ่มกำลังส่งจากสถานีภาคพื้นดินก็จะเป็นการเพิ่มกำลังส่งจากดาวเทียมเช่น เดียวกัน  เพื่อช่วยลดผลกระทบจากการรบกวนของสัญญาณ โดยสัญญาณรบกวนช่วงแรกใช้เวลาประมาณ 8 นาที  อย่างไรก็ตาม ไทยคมสามารถจับสัญญาณรบกวนในช่วงที่ 2 ได้อีกครั้งเวลา 09.15 น. แต่สัญญาณโทรทัศน์จากสถานีเอ็นบีที  ยังสามารถใช้งานได้  เนื่องจากเอ็นบีที และไทยคมได้ดำเนินการป้องกันโดยการเพิ่มกำลังส่งไปเรียบร้อยแล้ว
สำหรับสาเหตุของสัญญาณรบกวนดังกล่าวอยู่ในช่วงของการตรวจสอบ ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาของอุปกรณ์ภาคพื้นดินของลูกค้ารายอื่น ๆ ที่ใช้งานร่วมกันผ่านดาวเทียมไทยคม หรืออาจเกิดจากความตั้งใจส่งสัญญาณขึ้นไปรบกวนดาวเทียม ซึ่งอาจมาจากที่ใดก็ได้ภายใต้พื้นที่ให้บริการของดาวเทียม ทั้งนี้ ระบบตรวจสอบสัญญาณรบกวนของไทยคมจะตรวจสอบได้เพียงว่าเกิดสัญญาณรบกวนขึ้น หรือไม่  และสัญญาณรบกวนดังกล่าวมีลักษณะอย่างไรเท่านั้น ไม่สามารถตรวจสอบค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของสถานที่ที่เป็นต้นกำเนิดของสัญญาณ รบกวนได้  อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับเอ็นบีที  พร้อมหาแนวทางร่วมกันในการแก้ปัญหาและลดโอกาสของการเกิดสัญญาณรบกวนขึ้นอีก ในอนาคต

กกต.ส่งสำนวนคดียุบ ปชป. กรณีเงินอุดหนุนพรรคการเมืองให้ศาล รธน.แล้ว

26 เม.ย. 53 เวลา 16.30 น. ที่สำนักงาน กกต. โดย นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการ กตต. ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ ได้นำหนังสือของนายทะเบียนพรรคการเมือง พร้อมคำวินิจฉัยคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ จากกรณีการใช้เงินกองทุนเพื่อการพัฒนาการเมือง จำนวน 29 ล้านบาท ไม่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ ที่ลงนามโดย กกต.ทั้ง 5 คน และเอกสารหลักฐานประกอบสำนวน ไปส่งมอบให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญแล้ว โดย นางพรทิภา ไสวสุวรรณวงศ์ รองเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้รับมอบ
ทั้งนี้ เอกสารหลักฐานประกอบสำนวนดังกล่าว มีจำนวน กว่า 8,000 หน้า และจะต้องถ่ายสำเนาให้กับตุลาการและสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ รวม 10 ชุด ทำให้มีเอกสารที่นำส่งครั้งนี้ จำนวน 88,670 แผ่น โดยสำนักงาน กกต. ได้บรรจุกล่อง รวม 50 กล่อง ส่งให้กับสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ
นายธนิศร์ ให้สัมภาษณ์ ภายหลังนำส่งเอกสารให้กับศาลรัฐธรรมนูญ ถึงสำนวนคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาท ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสาร และทำร่างคำวินิจฉัย คาดว่า ภายในต้นเดือนพฤษภาคม น่าจะนำส่งสำนักงานอัยการสูงสุดได้
ที่มาข่าว: สำนัก ข่าวไทย

เมื่อคุณปิดเราจะเปิด : สารพัดช่องทางติดตามข่าวการชุมนุม (เพื่อภูมิคุ้มกันการเสพข่าวบกพร่อง)

หากท่านผู้อ่านมีช่องทางในการรับชมข้อมูลข่าวสารใดๆที่คิดว่าควรเผยแพร่ ให้ผู้อื่นสามารถเข้าถึงข้อมูลด้วย โปรดแจ้งเพิ่มเติมมาที่ thaienews99@googlegroups.com
ท่าน ยังสามารถติดตามโทรทัศน์ People Channel
ได้หลายช่องทางผ่านอินเตอร์เน็ต ดังต่อไปนี้
1. วิทยุเปิด windws media player --->file--->open URL----->mms://radio.dstationtv.tv:8072
2. ดูจาก web site
www.dstationtv.tv
www.dstationtv.net
www.kontaigermany.com
www.peoplechannel.net
3. ดู People Channel ผ่าน SopCast ,address/ID =93715 และ 93733 และ 93899 และ 93901 โดย download program SopCast ได้ที่www.sopcast.cn/download/
เข้าใช้แบบ anonymous ก็ได้ หรือจะช่วย login ก็จะดีมาก สามารถดูได้จาก ข้อ 2 ด้วยที่ด้านล่างของ web site ใน group= zzzz
4. ดู TV ผ่าน windows media player ---->file--->Open URL--->mms://tv.dstationtv.tv/people1 หรือmms://tv.dstationtv.tv/people2
หรือhttp://www.mediafire.com/?dxnuvwzibzm
เนื่องจากรัฐบาล block Internet จากผู้ใช้ Internet ในเมืองไทย ข้อ 1,2,4 อาจจะดูได้ไม่ครบทุก functtion
แนะนำให้ download ULTRASURF มาติดตั้งก่อน สามารถ download ได้ที่www.ultrareach.com หรือ click http://www.mediafire.com/?vzmzyyy2d2j

คลื่นวิทยุที่ยังรับฟังได้ใน เขตกรุงเทพฯและปริมณฑล

-คลื่นผ่านฟ้า 106.80 ฟังได้ทางฝั่งธนหรือย่านนั้น
- วิทยุแทกซี่ 107.75 ฟังได้ย่านกรุงเทพฯฝั่งตะวันออก
- คลื่นลำลูกกา 96.35
- คลื่นสำโรง 97.25 ฟังได้ย่านกรุงเทพฯฝั่งตะวันออก
- คลื่นปู่เจ้า 101.25

ส่วนช่องทางรับข้อมูลข่าวสารผ่านทางSMSนั้น

บริการ TPNews (Thai People News) : ข่าวสารสำหรับผู้รักประชาธิปไตย เที่ยงตรง แม่นยำ ส่งตรงถึงมือถือทุกวันสมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน พิมพ์ PN ส่งมาที่เบอร์ 4552146 ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน (เฉพาะ DTAC 30 บาท/เดือน)
Call center: 084-4566794-6 (จ.- ศ. 9.30-17.30 น.)
แฟนประจำประชาไทหากอึดอัดเชิญทางนี้
หากประชาไทโดนบล็อก แฟนประจำสามารถติดตามได้อีกช่องทาง คือทางเฟสบุ๊ค
http://www.facebook.com/Prachatai#!/Prachatai?v=wall&viewas=100000534231906
และ
ส่วนเว็บบอร์ด ( www.prachataiboard.com ) เข้าผ่านเว็บพร็อกซี่ได้ทั่วไป

ณัฐวุฒิลั่นเสื้อแดงจะใช้มือเปล่าสกัดไม่ให้ จนท.เคลื่อนสลายการชุมนุม

ณัฐวุฒิวอนรัฐบาลหยุดใช้มอเตอร์ไซค์-อาวุธครบมือ ข่มขู่ ไล่ล่า เสื้อแดง ขออย่าสร้างรัฐทหารและพื้นที่สงคราม จตุพรได้ข่าวแผนสลายชุมนุมให้ตำรวจอยู่หน้า ทหารอยู่หลัง ให้ทหารยิงลูกมั่วใส่ตำรวจแล้วกล่าวหาว่าเสื้อแดงทำ หรือให้มีการสกัดกั้นระหว่างตำรวจด้วยกันเอง
 
(26 เม.ย.53) เวลา 11.00 น. – นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แกนนำ นปช. แถลงว่า ผลการสกัดกั้นเจ้าหน้าที่ ตร. ประมาณ 500-600 คน เมื่อคืนนี้ที่บริเวณหน้าโรงกษาปณ์นั้น ปรากฏว่าสามารถเจรจาให้กลับที่มั่นได้ พร้อมทั้งบอกว่า ต่อไปนี้ คนเสื้อแดงทั่วประเทศจะใช้มือเปล่าสกัดกั้นเจ้าหน้าที่ไม่ให้เคลื่อนพลเข้า มาสลายการชุมนุม
นายณัฐวุฒิระบุด้วยว่า ตอนนี้มีหน่วยไล่ล่าของทหาร โดยใช้มอเตอร์ไซค์พร้อมอาวุธครบมือ เพื่อข่มขู่ ไล่ล่า คุกคาม ขอให้รัฐบาลหยุดพฤติกรรมดังกล่าว ถ้าไม่หยุด จะมีการระดมหน่วยมอเตอร์ไซค์สันติวิธี เพื่อไปสกัดให้ทหารกลับเข้ากรมกอง พร้อมขอร้องว่าทหารอย่าสร้างรัฐทหารและพื้นที่สงคราม
แกนนำ นปช. กล่าวว่า อยากให้ทหารละอายต่อพฤติกรรมที่ผ่านมา ซึ่งทีวีรายงานด้านเดียว ราวกับว่าผู้เสียชีวิต 20 กว่าคนนั้นไร้ค่า ราวผักปลา ไม่ต้องการคำอธิบายใดๆ ขอให้นายอภิสิทธิ์มีหิริโอตัปปะ ละอายต่อบาปและเวทีโลก สุดท้ายฝากหน่วยงานของรัฐให้ตัดสินใจยืนข้างประชาชน และเชื่อว่านายอภิสิทธิ์อยู่ได้ไม่นานแน่ เนื่องจากมีคดียุบพรรคติดตัวอยู่
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวว่า ตำรวจที่ผลักดันกลับไปเมื่อคืนได้มีคำสั่งให้กลับเข้ามาใหม่ ให้ไปประจำการอยู่ที่ พล.รอ.2 สนามเป้า เลยนัดแนะกันให้ไปสกัดกั้นอีก เพราะตำรวจบอกว่าไม่อยากทำประชาชน นายจตุพรอ้างถึงข้อมูลในการเข้าสลายการชุมนุมจาก พล.ต.ต. เรวัติ กลิ่นเกษร ซึ่งเป็นคนสนิทของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ว่าในการดำเนินการสลายการชุมนุมนั้น จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ข้างหน้า ทหารอยู่ข้างหลัง แล้วให้ทหารยิงลูกมั่วใส่ตำรวจแล้วกล่าวหาว่าเสื้อแดงทำ อย่างไรก็ตาม ตำรวจรู้เรื่องดังกล่าวและมีการสกัดกั้นระหว่างตำรวจด้วยกันเองแล้ว เช่นที่จังหวัดพิษณุโลก
นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง อ้างว่า มีการให้ตำรวจจราจรนำรถมอเตอร์ไซค์ไปไว้ที่ราบ 11 เพื่อให้ทหารใช้ในการปลอมตัวเป็นตำรวจ รวมถึงได้รับการเตือนว่าอาจมีมอเตอร์ไซด์บอมบ์ ขอให้ตรวจตรารถตำรวจในบริเวณชุมนุมอย่างเข้มงวด และยังกล่าวอีกว่าเขามีคลิปชายชุดดำยาว 3 นาที ที่แฝงตัวมากับเจ้าหน้าที่ทหารเมื่อเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา และจะแจกให้กับสื่อมวลชนด้วย

ภาพ: กานต์ ทัศนะภักดิ์ ภาพผู้ชุมนุม นปช. หลังเวลาเที่ยงคืนเข้าสู่วันใหม่ของวันที่ 26 เม.ย. โดยแกนนำขอให้ผู้ชุมนุมอยู่ชุมนุมจนถึงเช้าเพื่อป้องกันรัฐบาลเข้ามาสลายการ ชุมนุม ขณะที่ทักษิณโฟนอินตีสามสยบข่าวลือป่วยหนัก ภาพผู้ชุมนุม นปช. หลังเวลาเที่ยงคืนเข้าสู่วันใหม่ของวันที่ 26 เม.ย. โดยแกนนำขอให้ผู้ชุมนุมอยู่ชุมนุมจนถึงเช้าเพื่อป้องกันรัฐบาลเข้ามาสลายการ ชุมนุม ต่อมาในเวลา 03.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โฟนอินเข้ามาทักทายผู้ชุมนุมและยืนยันว่าไม่ได้ป่วยตามที่มีการปล่อยข่าว ลือก่อนหน้านี้ ต่อมาเวลา 05.50 น. ขณะที่นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง กำลังร้องเพลงบนเวที นายวีระ มุกสิกพงศ์ แกนนำ นปช. ได้เดินมาทักทายผู้ชุมนุมทีหน้าเวที จากนั้นนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อได้ขึ้นไปตีกลอง โดยบรรยากาศในช่วงเช้าผ่อนคลายกว่าช่วงกลางคืนก่อนหน้านี้มาก จากนั้นมีการประกาศว่าจะมีการนิมนต์พระสงฆ์เพื่อทำบุญในเวลา 09.00 น. โดยจะเป็นการสวดรับโชค สืบชะตาเมือง และอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตเมื่อ 10 เม.ย. ต่อมา เมื่อเวลาประมาณ 09.19 น. นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช. ได้นำผู้ชุมนุมจัดพิธีสวดมนต์รับโชคสืบชะตาเมือง โดยนิมนต์พระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์ จำนวน 80 รูป และสวดรัตนสูตรรับพฤหัสบดี ทั้งนี้ เพื่อเป็นการทำให้ดวงเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ สงบสุข จากนั้น จะทำพิธีถวายสังฆทาน เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมาด้วย

ภาพผู้ชุมนุม นปช. หลังเวลาเที่ยงคืนเข้าสู่วันใหม่ของวันที่ 26 เม.ย. โดยแกนนำขอให้ผู้ชุมนุมอยู่ชุมนุมจนถึงเช้าเพื่อป้องกันรัฐบาลเข้ามาสลายการ ชุมนุม ขณะที่ทักษิณโฟนอินตีสามสยบข่าวลือป่วยหนัก
ภาพผู้ชุมนุม นปช. หลังเวลาเที่ยงคืนเข้าสู่วันใหม่ของวันที่ 26 เม.ย. โดยแกนนำขอให้ผู้ชุมนุมอยู่ชุมนุมจนถึงเช้าเพื่อป้องกันรัฐบาลเข้ามาสลายการ ชุมนุม ต่อมาในเวลา 03.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โฟนอินเข้ามาทักทายผู้ชุมนุมและยืนยันว่าไม่ได้ป่วยตามที่มีการปล่อยข่าว ลือก่อนหน้านี้
ต่อมาเวลา 05.50 น. ขณะที่นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง กำลังร้องเพลงบนเวที นายวีระ มุกสิกพงศ์ แกนนำ นปช. ได้เดินมาทักทายผู้ชุมนุมทีหน้าเวที จากนั้นนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อได้ขึ้นไปตีกลอง โดยบรรยากาศในช่วงเช้าผ่อนคลายกว่าช่วงกลางคืนก่อนหน้านี้มาก
จากนั้นมีการประกาศว่าจะมีการนิมนต์พระสงฆ์เพื่อทำบุญในเวลา 09.00 น. โดยจะเป็นการสวดรับโชค สืบชะตาเมือง และอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตเมื่อ 10 เม.ย.
ต่อมา เมื่อเวลาประมาณ 09.19 น. นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช. ได้นำผู้ชุมนุมจัดพิธีสวดมนต์รับโชคสืบชะตาเมือง โดยนิมนต์พระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์ จำนวน 80 รูป และสวดรัตนสูตรรับพฤหัสบดี ทั้งนี้ เพื่อเป็นการทำให้ดวงเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ สงบสุข จากนั้น จะทำพิธีถวายสังฆทาน เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมาด้วย

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (2 ปีที่แล้ว): “ผมไม่นึกไม่ฝันว่าเรามีรัฐที่ได้ทำร้ายประชาชนถึงขั้นเสียชีวิต”

หลังการสลายการชุมนุมวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ที่หน้ารัฐสภา ต่อมาเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2551 ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงข่าวเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบต่อเหตุการณ์สลายการชุมนุม
ที่ต้องบันทึกไว้ก็คือมีผู้บาดเจ็บจำนวนมากระหว่างการสลายการชุมนุมโดย ตำรวจที่หน้ารัฐสภาในช่วงกลางวันจริง แต่ที่ต้องไม่เหมารวมก็คือ ผู้เสียชีวิตในวันที่ 7 ตุลาคม ไม่ได้เกิดจากการสลายการชุมนุมที่หน้ารัฐสภา โดยรายหนึ่งเกิดจากเหตุระเบิดรถยนต์จี๊ปเชอโรกี ที่ ถ.สุโขทัย แยกพิชัย หน้าที่ทำการพรรคชาติไทย ส่วนผู้เสียชีวิตอีกรายเสียชีวิตที่หน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล ช่วงหัวค่ำ ซึ่งเป็นเวลาที่เลิกประชุมสภาไปแล้ว
อย่างไรก็ตามนายอภิสิทธิ์ในเวลานั้นเห็นว่า “ผมไม่นึกไม่ฝันว่าเรามีรัฐที่ได้ทำร้ายประชาชนถึงขั้นเสียชีวิต” และต่อไปนี้คือความเห็นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ของนายอภิสิทธิ์ต่อเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม 2551 โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
000
(แฟ้ม ภาพ) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีประชุม ณ รัฐสภา เมื่อ 24 มี.ค. 53 (ที่มา: www.pm.go.th)


1.
“ผมไม่นึกไม่ฝันว่าเรามีรัฐที่ได้ทำ ร้ายประชาชนถึงขั้นเสียชีวิต บาดเจ็บสาหัสแล้ว เรายังมีรัฐที่พยายามยัดเยียดความผิดกลับไปให้ประชาชนอีก เป็นพฤติกรรมที่รับไม่ได้ครับ”



2.
"ผมทราบว่านายกรัฐมนตรีกำลังจะจัดตั้ง กรรมการขึ้นมา เพื่อที่จะสอบข้อเท็จจริง ผมไม่ทราบว่าท่านจะหาใครมาและจะมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ แต่ผมคิดว่าเพื่อพิสูจน์ความจริงใจ ท่านต้องสั่งย้ายตำรวจที่ให้ร้ายประชาชนออกไปให้หมดก่อนครับ
ถ้าท่านจะตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง แต่ว่า กระบวนการของรัฐตั้งธงไว้แล้วว่าเป็นความผิดของประชาชน ท่านอย่าตั้งเลยครับ ท่านซ้ำเติมบ้านเมือง สร้างปมความขัดแย้งของบ้านเมืองเพิ่มเติมขึ้นมาอีก วันนี้ในทางการเมืองความชอบธรรมมันหมดไปแล้วครับ เราเรียกร้องความรับผิดชอบจากท่าน"



3.
"ท่านจะลาออก หรือถ้าท่านกลัวว่าถ้าท่านลาออกแล้วจะเป็นเรื่องที่ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์จะ ไปมีอำนาจท่านก็ยุบสภาเถิดครับ แต่ท่านเพิกเฉยไม่ได้ เพราะถ้าท่านเพิกเฉยแล้ว ท่านทำร้ายบ้านเมืองและท่านกำลังทำร้ายระบบการเมือง เพราะว่าระบบการเมืองในวิถีทางประชาธิปไตยไม่มีที่ไหนในโลกที่ประชาชน ถูกทำร้ายจากภาครัฐแล้ว รัฐบาลที่มาจากประชาชนไม่แสดงความรับผิดชอบ ไม่มี"



4.
"ผมว่าท่านนายกฯ ก็มีแต่สร้างปัญหาให้กับสังคมมากขึ้นเรื่อย ๆ ผมไม่ห่วงเลยนะครับ รัฐบาลอยู่สั้นอยู่ยาว แต่ผมห่วงว่าบ้านเมืองจะเดินอย่างไร รัฐบาลอยู่ผมก็ยังนึกไม่ออกนะครับว่าท่านนายกฯ คิดว่ารัฐบาลจะทำอะไรให้บ้านเมือง ผมเห็นอาการท่านตอนนี้มีแต่ความหวาดกลัว ความหวาดระแวงไปหมด แล้วถามท่านว่า ท่านอยู่ไปเพื่ออะไรครับ อยู่เพราะว่ากลัวคนๆ หนึ่งติดคุกหรืออะไรครับ แล้วจะให้บาดแผลในสังคมนั้นมันลุกลามบานปลายไปถึงขนาดไหนครับ"

5.
ผมไม่สนใจเลยนะครับวันนี้ว่าท่านยุบ สภา ท่านลาออกแล้วใครจะเป็นหรือไม่อย่างไร ผมไม่สนใจเลยนะครับ ผมสนใจว่าต้องมีคนรับผิดชอบต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นกับประชาชนครับ

000

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ,
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, 9 ตุลาคม 2551

 
พรรคประชาธิปัตย์ยังคงติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราด้วย ความห่วงใยอย่างต่อเนื่อง ครั้งสุดท้ายที่ผมได้มีโอกาสแถลงข่าวให้สัมภาษณ์กับพี่น้องสื่อมวลชนนั้นก็ คือวันอังคาร (7 ต.ค.) แต่ว่าเมื่อวานนี้ (8 ต.ค.) และต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ พรรคก็ยังติดตามสถานการณ์และก็ยังเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นั้น เป็นเหตุการณ์ที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และก็เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย เพราะเป็นความสูญเสียของพี่น้องประชาชนคนไทย สูญเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ บาดเจ็บ บาดเจ็บสาหัส และแน่นอนครับ ยังทำให้สังคมและบ้านเมืองมีความขัดแย้งมีความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง
ผมและพรรคติดตามท่าทีของนายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มาจนถึงวินาทีนี้ ยังไม่เห็นความรับผิดชอบ ยังไม่เห็นความจริงใจในการแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีแต่ความพยายามที่จะปัดความรับผิดชอบ ซึ่งไม่หนักหน่อยก็คือพยายามเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ทั้งๆ ที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นครั้งเดียว คือไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะช่วงเช้าของวันที่ 7 ซึ่งนายกรัฐมนตรีอาจจะอ้างได้ว่า ไม่คาดคิดว่าปฏิบัติการณ์ของเจ้าหน้าที่จะนำมาสู่ความสูญเสียที่มีประชาชน นั้นขาขาด แต่ว่าตั้งแต่สายของวันที่ 7 ที่นายกรัฐมนตรีทราบเรื่องนี้แล้วนั้น ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของฝ่ายบริหาร ไม่ได้มีความพยายามใดๆ ทั้งสิ้น ที่จะป้องกันไม่ให้เหตุการณ์นั้นลุกลามบานปลายหรือเกิดซ้ำรอยกับช่วงที่เกิด ขึ้นตอนเช้า
มิหนำซ้ำความสูญเสียในช่วงบ่ายและช่วงค่ำนั้น กลับมากกว่า รุนแรงกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่นายกฯ ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ว่าเป็นผู้ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือมิเช่นนั้นก็จงใจให้เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้น เมื่อวานจึงมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค ที่ได้ไปกล่าวโทษนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้ แต่ว่าที่เลวร้ายกว่าการโยนความผิดหรือความพยายามปัดความรับผิดชอบไปให้เจ้า หน้าที่ก็คือว่า วันนี้พัฒนาไปสู่กระบวนการใส่ร้ายประชาชน
ผมไม่นึกไม่ฝันว่าเรามีรัฐที่ได้ทำร้ายประชาชนถึงขั้นเสียชีวิต บาดเจ็บสาหัสแล้ว เรายังมีรัฐที่พยายามยัดเยียดความผิดกลับไปให้ประชาชนอีก เป็นพฤติกรรมที่รับไม่ได้ครับ ผมเคยได้ยินคนในฝ่ายรัฐบาลชอบถามคน นั้นคนนี้ว่า เป็นคนไทยหรือเปล่า แต่พฤติกรรมที่ท่านแสดงอยู่นั้น ไม่ใช่เป็นคนไทยหรือเปล่า แต่เป็นคนหรือเปล่า กระทำกับบุคคลถึงขั้นเสียชีวิต แล้วยังยัดเยียดปรักปรำใส่ร้ายเขาอีกว่าเขาพกพาอาวุธ เขาเป็นเด็กสาวซึ่งจบการศึกษาดี ไปชุมนุมด้วยความเชื่ออย่างบริสุทธิ์ว่า เขาไปพิทักษ์ความถูกต้อง เขาไม่ได้มีอะไรที่ไปคุกคามเจ้าหน้าที่ของรัฐเลยแม้แต่น้อยนิด ผมสอบถามจากคุณแม่ของเขาซึ่งเห็นลูกสาวเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาแล้วยังบาดเจ็บ อยู่ในโรงพยาบาล แม้แต่ตำรวจเขาก็เห็นไกลๆ ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องอะไรกับการที่จะไปคุกคามรัฐแม้แต่น้อยนิด
บัดนี้เขาสูญเสียไปแล้ว นายกรัฐมนตรีที่ชื่อสมชาย ยังปล่อยให้ลูกน้องและกระบวนการทั้งหลายของนายกฯ ไปยัดเยียดข้อหาใส่เขาอีก เป็นพฤติกรรมที่รับไม่ได้ครับ พฤติกรรมอย่างนี้ไม่มีทางนำพามาซึ่งความสมานฉันท์ความปรองดองหรือความเชื่อ ถือใด ๆ เพราะฉะนั้นสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ พรรคก็จึงต้องดำเนินการในหลาย ๆ ทาง นอกจากการกล่าวโทษนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์เมื่อวานนี้ วันนี้เราได้ทำหนังสือชี้แจงเอกอัครราชทูตของประเทศต่าง ๆ ในประเทศไทย เพื่อให้ทราบว่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นนั้นประชาชนคนไทยนั้นไม่ใช่ประชาชน ที่รุนแรงครับ แต่เป็นผู้ถูกกระทำจากความรุนแรงของภาครัฐ

ประการที่สอง เราได้มีการทำหนังสือเพื่อขอให้ทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนได้ดำเนินการตาม หน้าที่ในการสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ประการที่สาม เราจะได้ทำหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขออธิบายนิดนะครับว่า ที่เราไม่ทำถึงนายกฯ ในเรื่องนี้เพราะว่าเราถือว่าท่านหมดความชอบธรรม ความน่าเชื่อถือที่จะทำ เราทำถึงท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า เมื่อปรากฏชัดว่า มันมีการทำร้ายประชาชน มีการยิงอาวุธใส่ประชาชนไม่ได้เป็นไปตามที่ได้แถลงก่อนหน้านี้ว่าเป็นการใช้ แก๊สน้ำตาเท่านั้น หรือเป็นการใช้แก๊สน้ำตาตามวิถีทางที่อารยประเทศเขาทำกัน ท่านจะดำเนินการสอบสวนเพื่อที่จะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านอย่างไร หรือว่าบุคคลเหล่านั้นทำตามคำสั่งของท่าน ถ้าทำตามของท่าน ท่านจะรับผิดชอบอย่างไร ถ้าไม่ได้ทำตามคำสั่งของท่านแต่มีบุคคลที่อยู่เหนือท่านเป็นผู้สั่ง บุคคลนั้นเป็นใคร ผมว่านี่คือสิ่งที่เป็นความรับผิดชอบของท่านผู้บัญชาการซึ่งเราก็ยังให้ เกียรติท่านว่า ท่านยังอยู่ในฐานะที่จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมากับเรื่องเหล่านี้ แต่ถ้าท่านไม่ทำเช่นนี้ เราก็ถือว่าท่านเองก็มีความผิดด้วย
อันนี้ก็เป็นสิ่งที่พรรคได้ดำเนินการในวันนี้ ที่ได้มีการเดินทางไปทั้งสถานเอกอัครราชทูตของหลายประเทศ บวกกับการไปที่กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ บวกกับการไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเรียนครับว่า ผมทราบว่านายกรัฐมนตรีกำลังจะจัดตั้งกรรมการขึ้นมา เพื่อที่จะสอบข้อเท็จจริง ผมไม่ทราบว่าท่านจะหาใครมาและจะมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ แต่ผมคิดว่าเพื่อพิสูจน์ความจริงใจ ท่านต้องสั่งย้ายตำรวจที่ให้ร้ายประชาชนออกไปให้หมดก่อนครับ
ถ้าท่านจะตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงแต่ว่า กระบวนการของรัฐตั้งธงไว้แล้วว่าเป็นความผิดของประชาชน ท่านอย่าตั้งเลยครับ ท่านซ้ำเติมบ้านเมือง สร้างปมความขัดแย้งของบ้านเมืองเพิ่มเติมขึ้นมาอีก วันนี้ในทางการเมืองความชอบธรรมมันหมดไปแล้วครับ เราเรียกร้องความรับผิดชอบจากท่าน
ท่านจะลาออก หรือถ้าท่านกลัวว่าถ้าท่านลาออกแล้วจะเป็นเรื่องที่ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์จะ ไปมีอำนาจท่านก็ยุบสภาเถิดครับ แต่ท่านเพิกเฉยไม่ได้ เพราะถ้าท่านเพิกเฉยแล้ว ท่านทำร้ายบ้านเมืองและท่านกำลังทำร้ายระบบการเมือง เพราะว่าระบบการเมืองในวิถีทางประชาธิปไตยไม่มีที่ไหนในโลกที่ประชาชน ถูกทำร้ายจากภาครัฐแล้ว รัฐบาลที่มาจากประชาชนไม่แสดงความรับผิดชอบ ไม่มี และจนกว่าเราจะได้เห็นสิ่งเหล่านี้ พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่สามารถที่จะไปร่วมในการดำเนินการอย่างที่เราได้ให้ ความร่วมมือมาโดยตลอดได้
วันนี้ผมก็ได้ทำหนังสือปฏิเสธการเข้าร่วมการเจรจา หรือการที่จะมีคณะทำงานยกร่างรัฐธรรมนูญแล้ว เพราะถือว่ารัฐบาลได้แสดงออกแล้วถึงความไม่จริงใจ ในการแก้ไขปัญหาตามแนวทางที่ได้มาพูดกับที่ประชุมซึ่งมีผมอยู่ด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นผู้พูดเอง เพราะฉะนั้นทั้งหมดนี้คือจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งก็กำลังจะได้ติดตามสถานการณ์ต่อไปและจะทำทุกวิถีทางที่จะทำได้ในการ รักษาความยุติธรรมในบ้านเมือง ให้ความเป็นธรรมกับประชาชนผู้เป็นเหยื่อของความรุนแรงในครั้งนี้ และในการพิทักษ์รักษาสิทธิและความถูกต้องในสังคมต่อไป

(ตอบคำถามผู้สื่อข่าว)
- ผมว่าทุกคนที่ให้ร้ายกับประชาชน แล้วก็แถลงข่าวชี้แจงแล้วพอถูกจับได้ก็เปลี่ยนคำอธิบายครับ ผมว่าประชาชนก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นใครบ้าง ท่านก็รู้อยู่แล้วเป็นใครบ้าง นายกฯ ก็ควรจะรู้ว่าเป็นใครบ้าง

- ผมยังไม่ทราบนะครับ ไม่ค่อยได้ยินท่าน ผบ.ตร.ได้แสดงออกเท่าไหร่ครับ แต่ว่าหลายท่านที่มาชี้แจง ก็อย่างที่ผมเรียน พอจับได้ไล่ทันก็เปลี่ยนคำอธิบาย แล้วสุดท้ายมาให้ร้ายยัดเยียด ความผิดให้ประชาชน คนเหล่านี้ไม่สมควรที่จะอยู่ในฐานะที่จะมาชี้แจง ไม่อยู่ในฐานะที่จะมาบริหารงานของตำรวจต่อไปครับ

- คนที่มีความเชื่อถือจากสังคม แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าใครที่มีความเชื่อถือในสังคมขณะนี้จะยอมรับการแต่งตั้ง จากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เพราะว่าถ้าเขารับการแต่งตั้งจากนายสมชาย ความเชื่อถือเขาก็ถูกกระทบ จะเห็นได้ว่าบางคนเขาเรียกร้องอยู่แล้วว่าไม่ให้มีการไปร่วมมือกับคณะ กรรมการต่าง ๆ ของรัฐบาลอยู่แล้ว คือนายกฯ ต้องรู้ตัวเองครับวันนี้ เป็นผู้นำประเทศหรือไม่ ความรุนแรงเกิดขึ้นในบ้านเมืองแล้วครับ 1 วันนะครับ เจ็บ 400 กว่าคน บาดเจ็บสาหัส เสียชีวิต เพียงเพราะนายกฯ ต้องการเข้าไปอ่านเอกสาร 33 หน้า อ่านเสร็จแล้วก็ไม่สามารถตามที่อ่าน เพราะฉะนั้นผมมองไม่เห็นนะครับว่า ท่านอยู่ในฐานะอะไรที่จะมาตั้งคนให้มาสอบข้อเท็จจริง ถ้าบอกว่าทั้งหมดเป็นเรื่องตำรวจ อย่างนั้นท่านก็ลาออกไปให้ตำรวจบริหารบ้านเมืองไปเลย ถ้าท่านบอกว่าท่านตัดสินใจเองไม่ได้ต้องฟังโทรศัพท์จากลอนดอน เอาคนที่ลอนดอนกลับมา

- ผมว่าท่านนายกฯ ก็มีแต่สร้างปัญหาให้กับสังคมมากขึ้นเรื่อย ๆ ผมไม่ห่วงเลยนะครับ รัฐบาลอยู่สั้นอยู่ยาว แต่ผมห่วงว่าบ้านเมืองจะเดินอย่างไร รัฐบาลอยู่ผมก็ยังนึกไม่ออกนะครับว่าท่านนายกฯ คิดว่ารัฐบาลจะทำอะไรให้บ้านเมือง ผมเห็นอาการท่านตอนนี้มีแต่ความหวาดกลัว ความหวาดระแวงไปหมด แล้วถามท่านว่า ท่านอยู่ไปเพื่ออะไรครับ อยู่เพราะว่ากลัวคน ๆ หนึ่งติดคุกหรืออะไรครับ แล้วจะให้บาดแผลในสังคมนั้นมันลุกลามบานปลายไปถึงขนาดไหนครับ ผม ไม่อยากจะเชื่อเลยนะครับว่านี่คือคนซึ่งเคยนั่งอยู่ในกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้บริหารสูงสุด

- พรรคได้คุยกันเรื่องนี้มาก หากการที่เราพ้นจากความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ สามารถทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ ผมยืนยันว่าพวกเราจะทำ แล้วก็การยุบสภาก็เป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้เราหลุดพ้นจากความเป็น ส.ส. แต่กลับนายกฯ ที่ชื่อสมชายนั้น แล้วเราลาออกไป 164 คน แล้วท่านไม่ทำอะไรหรอกครับนอกจากเอาลูกน้องท่านมาด่าว่า พวกเราทำให้เสียเงินเลือกตั้งซ่อม ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะมีประโยชน์อะไรกับสังคม เราก็ยังใช้สถานะความเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทยทำในสิ่งที่เราพอจะทำได้ แต่เมื่อไหร่ที่เราคิดว่ามันไม่มีประโยชน์ ไม่ต้องห่วงหรอกครับเราพร้อมที่จะทิ้งตำแหน่งตรงนั้นอยู่แล้ว และแน่นอนถ้าการทิ้งตำแหน่งนั้นทำให้บ้านเมืองสงบแก้ไขปัญหาได้ เราทำทันที

- ผมก็ถามท่านนายกฯ ว่าแล้วคิดว่าสังคมจะทนกับสภาพนี้ไปได้นานเท่าไหร่ ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ ผมเห็นอาการท่าน ก็ไม่รู้ว่าท่านทนได้นานเท่าไหร่ แต่ผมไม่ห่วงท่าน ผมห่วงสังคม ผมห่วงประเทศชาติ ผมไม่เข้าใจท่าน ทำเพื่ออะไรครับ ทำเพื่อใครครับ ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องยากเลยนะครับ ที่จะตัดสินใจเพื่อจะคลี่คลายสถานการณ์ แต่อะไรล่ะครับ มันมีผลประโยชน์อะไร มันมีเรื่องอะไรครับที่มันยิ่งใหญ่กว่าขนาดที่เรียกว่า ยอมให้สังคมพังไปทั้งสังคม อะไรครับ

- ขณะนี้เนื่องจากไม่มีการเชิญประชุมส.ส.หรืออะไรทั้งสิ้นนะครับ สภาฯ หรืออะไร เรายังไม่มี ยังไม่ทราบว่ารัฐบาลดำเนินการอะไรต่อไป วันนี้ก็มีประชุม ครม. ในส่วนของรัฐบาลใช่ไม๊ครับ ส่วนใหญ่ก็แต่งตั้งตำแหน่งต่าง ๆ นั่นแหละ แต่ว่าผมไม่เห็น ผมไม่ทราบว่ารัฐบาลจะเดินหน้าอย่างไรนะครับ เลยยังไม่อยู่ในฐานะที่จะบอกได้ว่าในแต่ละเรื่องนั้นเราจะดำเนินการอย่างไร ต่อไป แต่อย่างที่เรียกว่า ขณะนี้นั้นภาระหน้าที่ของส.ส.ประชาธิปัตย์ทุกคนนั้น ก็คือช่วยต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมให้กับผู้ที่สูญเสียทั้งหมด แล้วก็ความเป็นธรรมในสังคม และก็พยายามตรวจสอบเท่าที่เราจะทำได้นะครับ ทว่า 2 วันที่ผ่านมาผมก็เรียนว่า ข้อมูลที่เราได้นั้น มันก็มาจากการที่พวกเราก็ยังเดินหน้าทำงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งในการตรวจสอบแล้วก็เอาความจริงออกมา แล้วผมเรียนนะครับว่า ที่ผมพูดกับรัฐบาลทั้งหมดในวันนี้ รัฐบาลไม่ต้องมากล่าวหายัดเยียดว่าเป็นเพราะเราเห็นดี เห็นงามกับทุกเรื่องที่พันธมิตรทำ ไม่ใช่ ไม่เกี่ยวกันครับ พันธมิตรทำถูกทำผิด เรื่องหนึ่ง แต่พันธมิตรทำถูกทำผิดรัฐบาลไม่มีสิทธิทำผิด ไม่มีสิทธิทำร้ายประชาชน อันนี้คือจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์

- ในพรรคประชาธิปัตย์นั้น ผมได้บอกแล้วว่า วันนี้เรามีการประชุมเพื่อที่ติดตามและกำหนดท่าทีต่อสถานการณ์ทุกวันอยู่ แล้ว แล้วก็ในภาวะซึ่งมันมีความสับสนมาก ประชาธิปัตย์ก็ต้องการได้รับความเห็นที่หลากหลายจากส.ส. ฉะนั้นที่ประชุมของส.ส.จะเป็นหลักในการที่จะกำหนดทิศทางของพรรค ขอบอกเลยนะครับไม่ใช่กรรมการบริหารพรรคด้วยครับ ที่ประชุมของส.ส.ทุกคนซึ่งเราเชิญเป็นประจำทุกวันในขณะนี้ จะเป็นผู้กำหนดทิศทางที่เราเห็นว่าดีที่สุดในการที่จะทำให้บ้านเมืองนั้น เดินไปสู่ความถูกต้องได้

- เขาควรจะมีสำนึกของเขาเอง ผมเห็นคุณบรรหารบอกว่าคนขาขาดนี่ก็ละมุนละม่อมแล้ว ผมก็ไม่รู้จะเรียกร้องอะไรจากท่านอีกครับ

- ผมไม่ทราบแล้วก็ไม่สนใจด้วยครับ รัฐบาลจะเอารัดเอาเปรียบอย่างไร ถ้ายุบสภานะครับ คืนอำนาจให้กับประชาชน ผมก็ไม่ว่านะครับ ก็ดีกว่ารัฐบาลอยู่อย่างนี้แล้วรัฐบาลพังไปเรื่อย ๆ ถ้าอยากเอาเปรียบอะไรได้ทั้งนั้นแหละครับ เหมือนวันนั้น ผมไม่เข้าประชุมเพราะผมไม่อยากฝ่ากองเลือดเข้าไป ท่านก็ใช้เวทีสภาสื่อโทรทัศน์วิทยุด่าพวกผม ทำไปเถอะครับผมไม่ต้องการตอบโต้หรอก ผมไม่สนใจตอบโต้รัฐบาล ผมสนใจความถูกต้องในบ้านเมืองที่รัฐบาลต้องให้กับประชาชนให้กับประเทศครับ

- ผมอยากจะเห็นว่าท่านมีบทบาทในการคุ้มครองประชาชนมากกว่านี้ แต่สนับสนุนที่ท่านได้แสดงออกว่าจะไม่มีการรัฐประหารครับ

- ผมหวังว่าถัดจากนี้ไปไม่มีความสูญเสียกับประชาชนอีกนะครับ คือทหารก็เป็นทหารของประเทศ ของพระเจ้าอยู่หัวของประชาชน แล้วก็แน่นอนที่สุดนะครับ ต้องสนองนโยบายของรัฐบาลที่ถูกต้องชอบธรรมไม่ขัดกับหลักการที่อยู่เหนือกว่า นั้น

- ผมว่าวันนี้ต้องมีความรับผิดชอบจากรัฐบาลปัจจุบันก่อนนะครับ แล้วถึงจะมาพูดกันครับ ไม่ใช่ว่าเป็นรัฐบาลอยู่เจรจาอยู่ ทำร้ายประชาชนเสร็จแล้วก็เรียกกลับมาเจรจา ไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบ ไม่ใช่ตัวเองอยู่ไม่ได้ก็เลยคิดว่า เอาคนอื่นมาอยู่ด้วยตัวเองจะอยู่ได้อย่างนี้มันไม่ใช่คำตอบ

- คือถ้าไม่มีความรับผิดชอบ มันไม่มีทางจะเยียวยาได้ครับ มันก็เป็นเพียงการเล่นเกมช่วงชิงอำนาจกันไป แต่หลักการความรับผิดชอบไม่มีแล้วในสังคม ก็เท่ากับว่าเราก็ยิ่งตอกย้ำว่านักการเมืองต้องมาอยู่กันเพื่อที่จะเล่นเกม แสวงหาอำนาจกันไป ผมไม่สนใจเลยนะครับวันนี้ว่าท่านยุบสภา ท่านลาออกแล้วใครจะเป็นหรือไม่อย่างไร ผมไม่สนใจเลยนะครับ ผมสนใจว่าต้องมีคนรับผิดชอบต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นกับประชาชนครับ

ขอบคุณครับ.

ญาติร้องผู้ต้องหาคดีหมิ่นฯ รายล่าสุด ถูกซ้อมในเรือนจำ

เว็บไซต์ไทยอีนิวส์รายงาน ญาตินายธันย์ฐวุฒิ ผู้ต้องหาหมิ่นฯ จากการเปิดเว็บไซต์ www.norporchorusa.com เผยเข้า เยี่ยมที่เรือนจำครั้งล่าสุดพบถูกผู้ต้องขังด้วยกันซ้อม
จาก กรณีที่พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทาง เทคโนโลยี (บก.ปอท.) ควบคุมตัว นายธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาในความผิดข้อหาหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (3)(5) และมาตรา 15 ขออำนาจศาลฝากขังผลัดแรกตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจคัดค้านการประกันตัว และศาลมีคำสั่งให้ส่งตัวผู้ต้องหาไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

ล่า สุด เมื่อวันที่ 24 เม.ย.53 เว็บไซต์ไทยอีนิวส์ (http://thaienews.blogspot.com/) รายงานว่า ญาติของนายธันย์ฐวุฒิที่เข้าเยี่ยมได้แจ้งข้อมูลว่าผู้ต้องหารายนี้ถูกผู้ ต้องขังด้วยกันซ้อม โดยระบุว่า นายธันย์ฐวุฒิซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลาง ได้ย้ายเข้าไปอยู่ที่ แดน 8 แล้วเมื่อเช้าวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นวันครบกำหนดการฝากขัง

ญาติ ที่เข้าเยี่ยมนายธันย์ฐวุฒิเล่าว่า ได้ไปถึงที่เรือนจำกลางกับเพื่อนอีก 1 คน เวลาประมาณ 14.00 น.ในวันเดียวกันนั้น เมื่อได้เข้าเยี่ยมพบว่า นายธันย์ฐวุฒิหน้าตาบวม บูดเบี้ยว มีรอยเลือดอยู่ในบริเวณปาก และรอยเขียวช้ำทั้งตัว สอบถามถึงเหตุการณ์ จึงได้ทราบจากปากของนายธันย์ฐวุฒิว่า ตั้งแต่ถูกสั่งย้ายจาก แดน 1 มาที่ แดน 8 ตั้งแต่ตอนเช้าจนถึงขณะนี้ ได้ถูกชายฉกรรจ์ หลายนายรุมทำร้ายร่างกาย 3 ครั้งแล้ว โดยชายฉกรรจ์เหล่านี้เป็นผู้ต้องขังในเรือนจำ

ญาติ ให้ข้อมูลด้วยว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่คัดค้านการประกันตัว ได้เข้าไปเยี่ยมนายธันย์ฐวุฒิแล้ว 2-3 ครั้ง ซึ่งครั้งหลังสุดก่อนหน้านี้ นายธันย์ฐวุฒิยังมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสดี เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ได้ทยอยจับคนเสื้อแดงคราวละ 4-5 คน ที่เข้ามาร่วมชุมนุม ด้วยข้อหาต่างๆ เป็นระยะๆ จึงทำให้ได้พอคลายความกังวลได้บ้าง

ทั้งนี้ นายธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล หรือนามแฝง เรดอีเกิ้ลผู้ดูแลเว็บไซต์ www.norporchorusa.com และ www.norporchorusa2.com ถูก พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พล.ต.ต.เกรียงศักดิ์ อรุณศรีโสภณ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทาง เทคโนโลยี (ผบก.ปอท.) นำกำลังเข้าจับกุม เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ห้องพักในเขตบางกะปิ กทม.

"จาตุรนต์" เสียดาย "มาร์ค" ยกเลิกเจรจา นปช. หวั่นเดินหน้าปราบสูญเสียหนักแน่

จาตุรนต์เสียดายอภิสิทธิ์เลิกเจรจาทั้งที่หลายฝ่ายทั้งในและต่างประเทศ เรียกร้องการเจรจา ห่วงถ้ารัฐบาลเดินหน้าสลายการชุมนุมจะทำให้เกิดความสูญเสียและปัญหาบานปลาย เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนด้วยกัน เสนอให้ตัดไฟแต่ต้นลมเปิดการเจรจาใหม่แก้ปัญหาด้วยวิถีทางการเมืองที่เหมาะ สม
25 เม.ย. 53 - นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการพรรคไทยรักไทย กล่าวแสดงความเห็นต่อท่าทีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีที่ปฏิเสธการเจรจากับ นปช.ว่าน่าเสียดายที่นายกรัฐมนตรีสั่งยกเลิกการเจรจากับ นปช. ทั้งที่หลายฝ่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศเรียกร้องให้เจรจา และนปช.ก็ประกาศพร้อมเจรจาแล้ว น่าเป็นห่วงอย่ายิ่งที่รัฐบาลยังเดินหน้าต่อไปที่จะสลายการชุมนุมหรือปราบ ประชาชน ซึ่งอาจทำให้เกิดความสูญเสียอีกมากและจะทำให้ปัญหาบานปลาย หากสลายการชุมนุมและเกิดการสูญเสียอีก แม้จับแกนนำบางส่วนได้ก็จะมีคนมาชุมนุมมากกว่าเดิมเพื่อเรียกร้องให้เอาผู้ สั่งปราบประชาชนมาลงโทษ
นายจตุรนต์กล่าวต่อว่า ปัญหาน่าเป็นห่วงกว่านั้นคือแนวโน้มความรุนแรงระหว่างรัฐบาลกับประชาชนอาจ ขยายตัวไปทั่วประเทศ เพราะประชาชนจะโกรธแค้นและรัฐบาลก็มุ่งแต่ปราบหนักยิ่งขึ้นไปอีกคือความขัด แย้งและความรุนแรงระหว่างประชาชนด้วยกันซึ่งเกิดจากการปลุกปั่นของรัฐบาล พร้อมกับการสร้างสถานการณ์ของผู้ประสงค์ร้ายจัดตั้งคนมาทำร้ายประชาชน ตำรวจจะจับแต่ทหารปกป้อง ด่วนสรุปว่าระเบิดถูกยิงจากเสื้อแดงทั้งๆที่ยังไม่มีการพิสูจน์คือการปลุก ให้คนไทยฆ่ากันเองสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่คือการนำสังคมไทยสู่ความขัดแย้ง และความรุนแรงระหว่างรัฐกับประชาชนและประชาชนกับประชาชนด้วยกัน จะเสียหายใหญ่หลวง
"ทางออกในเวลานี้คือต้องตัดไฟแต่ต้นลม เปิดการเจรจาใหม่และแก้ปัญหาด้วยวิถีทางการเมือง  กำหนดเวลาที่เหมาะสมยุบสภา  หรือไม่ก็ต้องให้นายกลาออก"
เท่าที่ทราบสิ่งที่นายกฯต้องการทำจริงๆก่อนยุบสภาคือการตั้งผบ.ทบ.และการ เตรียมตัวรับมือกับการยุบพรรคปชป.เพื่อพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง ในความเห็นของผมเวลาที่เหมาะที่จะยุบสภาคืออีก3เดือน ปชป.ก็จะมีเวลาหาพรรคใหม่ได้ทัน และรัฐบาลรักษาการณ์จะตั้งผบทบ.ก็ทำได้ด้วย
"ผมเชื่อว่าถ้ากกต.และศาลรัฐธรรมนูญทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา พรรคปชป.จะต้องถูกยุบภายใน 45 วันนับจากวันนี้ จึงไม่มีประโยชน์ที่นายกฯจะดื้อดึงต่อไป หากนายกฯยังดึงดันที่จะปราบประชาชนและผลักดันให้ประชาชนปะทะกันเองอย่างที่ ทำอยู่จะเสียหายใหญ่หลวง สุดท้ายสังคมก็จะสรุปว่านายกฯเป็นนายกฯต่อไม่ได้"
ทั้งนี้นายจาตุรนต์กล่าวทิ้งท้ายว่า วิกฤตของสังคมไทยเลยขั้นความขัดแย้งระหว่างเสื้อแดงกับรัฐบาลมาเป็นแนวโน้ม ความขัดแย้งระหว่างรัฐกับประชาชนและปชช.กับปชช.ซึ่งเสี่ยงที่จะรุนแรง  สิ่งที่ผมเสนอนี้เป็นมุมมองจากคนละมิติกับนายก ปัญหาอยู่ที่จะทำอย่างไรให้นายกฯและคนใกล้ชิดหลุดจากมิติที่คับแคบนั้นเสีย โดยเร็วที่สุด

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2553

ประมวลภาพ: ใบหน้าใจกลางมหานคร ก่อนการล้อมปราบครั้งต่อไป...

ประชาไทบันทึกภาพวิถีชีวิต และประชากรในการชุมนุม ของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา ซึ่งสถานการณ์ล่าสุดกลับมาสู่บรรยากาศตึงเครียดอีกครั้ง เมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศในช่วงเย็นของวันที่ 24 เม.ย. ปฏิเสธข้อเสนอที่ฝ่ายผู้ชุมนุมเสนอให้ยุบสภาภายใน 30 วัน และรักษาการ 2 เดือน พร้อมทั้งยังประกาศ "ขอคืนพื้นที่" ย่านราชประสงค์ภายใน 48 ชั่วโมง
ประชาไทพบว่า ประชากรในการชุมนุมมีเด็กอยู่จำนวนมาก ซึ่งต้องมาพำนักอยู่ในเต็นท์ชั่วคราวเนื่องจากพ่อแม่ และญาติเข้ามาปักหลักชุมนุมในพื้นที่ดังกล่าว และไม่มีผู้ดูแล จึงต้องนำเด็กๆ เข้ามาเลี้ยงในสถานที่ชุมนุมด้วย
นอกจากนี้ ยังมีเด็กๆ ที่พ่อแม่และญาติๆ ซึ่งมีที่พักอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ พาเข้ามายังที่ชุมนุมทุกๆ วัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเย็น
0 0 0
0 0 0
0 0 0
0 0 0