วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

วอลล์เปเปอร์เกต


โดยสุรนันทน์ชีวะเวชชา โดย สุรนันทน์ เวชชาชีวะ
ที่มา เสียงกรุงเทพฯ ที่มา Bangkok voice

ก่อน การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1972 ซึ่งมีนายริชาร์ดนิกสัน (Richard Nixon) เป็นประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันที่ลงแข่งขันสมัยที่สองได้มีจับกุมผู้ บุกรุกเข้าไปในสำนักงานพรรคเดโมแคตร ในอาคารวอเตอร์เกต (วอเตอร์เกท) ก่อน การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1972 ซึ่งมี นายริชาร์ด นิกสัน (Richard Nixon) เป็นประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันที่ลงแข่งขันสมัยที่สอง ได้มีจับกุมผู้บุกรุกเข้าไปในสำนักงานพรรคเดโมแครตในอาคารวอเตอร์เกต (Watergate)

และติดตั้งเครื่องดักฟังโดยเบื้องต้นนั้นฝ่ายนายนิสันปฏิเสธการรับรู้ แต่ในที่สุดก็สาวกลับมาถึงผู้ที่เป็นทีมงานใกล้ชิดในขาวทำเนียบ และติดตั้งเครื่องดักฟัง โดยเบื้องต้นนั้นฝ่าย นายนิสัน ปฏิเสธการรับรู้ แต่ในที่สุดก็สาวกลับมาถึงผู้ที่เป็นทีมงานใกล้ชิดในทำเนียบขาว

นาย นิกสันยังยืนกรานว่าไม่เกี่ยวข้องไม่ได้เป็นผู้สั่งการจนมีการตั้งคำถามจาก สื่อมวลชนและนักการเมืองในซีกเดโมเครตว่าตัวประธานาธิบดี"รู้อะไร"และ"รู้ เมื่อไหร่"เพราะหากรู้แล้วช่วยปกปิด ย่อมมีส่วนร่วมในการกระทำผิดการกลับกลายเป็นสถานการณ์ที่วิกฤตขึ้นเมื่อค้น พบว่านอกจากนายนิกสันจะรู้แล้วยังเป็นผู้"สั่งการ"ด้วยจนในที่สุดก็ต้องรับ ผิดชอบและลาออกไป นายนิกสัน ยังยืนกรานว่าไม่เกี่ยวข้อง ไม่ได้เป็นผู้สั่งการ จนมีการตั้งคำถามจากสื่อมวลชนและนักการเมืองในซีกเดโมเครต ว่าตัวประธานาธิบดี “รู้อะไร” และ “รู้เมื่อไหร่” เพราะหากรู้แล้วช่วยปกปิด ย่อมมีส่วนร่วมในการกระทำผิด การกลับกลายเป็นสถานการณ์ที่วิกฤตขึ้นเมื่อค้นพบว่า นอกจาก นายนิกสัน จะรู้แล้ว ยังเป็นผู้ “สั่งการ” ด้วย จนในที่สุดก็ต้องรับผิดชอบและลาออกไป

ถือ เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับนักการเมืองทั่วโลกว่าควรและไม่ควรทำอะไรเพื่อรักษา อำนาจเพราะผลสุดท้ายนั้นไม่เพียงเสียหายต่ออนาคตของตนเอง แต่ถึงประเทศชาติด้วยโดยรวม ถือเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับนักการเมืองทั่วโลก ว่าควรและไม่ควรทำอะไรเพื่อรักษาอำนาจ เพราะผลสุดท้ายนั้น ไม่เพียงเสียหายต่ออนาคตของตนเอง แต่ถึงประเทศชาติโดยรวมด้วย

จริง อยู่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยปัจจุบันมีความแตกต่างทั้งในสาระและ สภาพแวดล้อม แต่การดำเนินนโยบายต่างๆตลอดจนเกมการเมืองของรัฐบาลชุดนี้ทำให้ต้องนำคำถาม ชุดที่นายนิกสันถูกถามกลับมาตั้งเป็นปุจฉากับนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะและผู้ที่ทำงานรายล้อมได้ จริงอยู่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยปัจจุบัน มีความแตกต่างทั้งในสาระและสภาพแวดล้อม แต่การดำเนินนโยบายต่างๆ ตลอดจนเกมการเมืองของรัฐบาลชุดนี้ ทำให้ต้องนำคำถามชุดที่ นายนิกสัน ถูกถามกลับมาตั้งเป็นปุจฉากับ นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และผู้ที่ทำงานรายล้อมได้

เรื่อง แรกที่ต้องถามคือเหตุการณ์การประท้วงชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงเดือน มีนาคมถึงพฤษภาคมที่ผ่านมาโดยเฉพาะเหตุการณ์"ขอคืนพื้นที่"เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่สี่แยกคอกวัวซึ่งมีการปะทะกันจนมีผู้ เสียชีวิตกว่า 20 คนและเหตุการณ์"กระชับพื้นที่"ช่วงวันที่ 10-19 พฤษภาคมที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีกจำนวนมากไม่นับผู้บาดเจ็บและสูญ หาย เรื่องแรกที่ต้องถาม คือเหตุการณ์การประท้วงชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงเดือนมีนาคมถึง พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเฉพาะเหตุการณ์ “ขอคืนพื้นที่” เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่สี่แยกคอกวัว ซึ่งมีการปะทะกันจนมีผู้เสียชีวิตกว่า 20 คน และเหตุการณ์ “กระชับพื้นที่” ช่วงวันที่ 10-19 พฤษภาคม ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีกจำนวนมาก ไม่นับผู้บาดเจ็บและสูญหาย

จน บัดนี้ยังไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่าเกิดอะไรขึ้นใครเป็นผู้สั่งการใคร ตัดสินใจให้ทหารนำกำลังเข้า"ขอคืนพื้นที่"และ"กระชับพื้นที่"นายกรัฐมนตรี ได้กำชับหรือไม่ว่าต้องไม่ให้มีการสูญเสียหรือให้ท้าย ขยิบตาหรือสั่งการด้วยตนเองทั้งที่เหตุการณ์ผ่านมากว่า 3 เดือนแล้วยังไม่มีความชัดเจน จนบัดนี้ยังไม่มีใคร สามารถอธิบายได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ใครเป็นผู้สั่งการ ใครตัดสินใจให้ทหารนำกำลังเข้า “ขอคืนพื้นที่” และ “กระชับพื้นที่” นายกรัฐมนตรีได้กำชับหรือไม่ว่าต้องไม่ให้มีการสูญเสีย หรือให้ท้ายขยิบตา หรือสั่งการด้วยตนเอง ทั้งที่เหตุการณ์ผ่านมากว่า 3เดือนแล้วยังไม่มีความชัดเจน

มี ใครประเมินให้นายกฯ รับรู้หรือไม่ว่าในแต่ละกรณีแต่ละทางเลือกจะมีผู้บาดเจ็บล้มตายเท่าไหร่ฝ่าย ทหารได้บอกถึงมาตรการที่จะรักษาชีวิต"หรือไม่และเมื่อมีข่าวการตายของ ประชาชนนายกฯ มีปฏิกิริยา อย่างไรทำไมไม่มีการประเมินใหม่หรือเพราะได้ตัดสินใจไปแล้ว? มีใครประเมินให้นายกฯรับรู้หรือไม่ว่า ในแต่ละกรณีแต่ละทางเลือก จะมีผู้บาดเจ็บล้มตายเท่าไหร่ ฝ่ายทหารได้บอกถึงมาตรการที่จะ รักษาชีวิต” หรือไม่ และเมื่อมีข่าวการตายของประชาชน นายกฯมีปฏิกิริยาอย่างไร ทำไมไม่มีการประเมินใหม่ หรือเพราะได้ตัดสินใจไปแล้ว?

นายกฯ รู้อะไรรู้เมื่อไหร่และตัดสินใจอะไรเป็นสิทธิที่ประชาชนพึงถามผู้นำที่อ้าง ว่ามาโดยวิถีประชาธิปไตยได้เสมอและเขาควรจะได้คำด้วยตอบ นายกฯรู้อะไร รู้เมื่อไหร่ และตัดสินใจอะไร เป็นสิทธิที่ประชาชนพึงถามผู้นำที่อ้างว่ามาโดยวิถีประชาธิปไตยได้เสมอ และเขาควรจะได้คำตอบด้วย

อีกเรื่องที่กำลังเป็นข่าวอึกทึกครึกโครมคือการเข้าพบนักโทษชื่อดังนายวิคเตอร์บูธของนายศิริโชคโสภาฉายา"วอลเปเปอร์"ของนายกฯ นายอภิสิทธิ์ซึ่งอาจส่งผลกระทบทั้งในแง่รูปคดีและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่ง รัฐบาลได้นำพาเข้าไปอยู่ระหว่างเขาควายของสองมหาอำนาจรัสเซียและสหรัฐ อเมริกา อีกเรื่องที่กำลังเป็นข่าวอึกทึกครึกโครม คือการเข้าพบนักโทษชื่อดัง นายวิคเตอร์ บูธ ของ นายศิริโชค โสภา ฉายา “วอลเปเปอร์” ของ นายกฯนายอภิสิทธิ์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบทั้งในแง่รูปคดี และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลได้นำพาเข้าไปอยู่ระหว่างเขาควายของสองมหาอำนาจ รัสเซีย และ สหรัฐอเมริกา

หลายคนรวมทั้งตัวนายศิริโชคพยายามแก้ตัวว่าความเป็นส.ส. หลายคน รวมทั้งตัว นายศิริโชค พยายามแก้ตัวว่า ความเป็น ส.ส. ทำ ให้นายศิริโชคมีสิทธิเข้าพบนายบูธซึ่งก็อาจจะจริงหากนายศิริโชคไม่ได้เข้าไป โดยอ้างและใช้อำนาจฝ่ายบริหารแทนนายกฯ เพราะหากเป็นเช่นนั้นนายศิริโชคไม่มีอำนาจหน้าที่แน่นอน ทำให้ นายศิริโชค มีสิทธิเข้าพบ นายบูธ ซึ่งก็อาจจะจริง หาก นายศิริโชค ไม่ได้เข้าไปโดยอ้างและใช้อำนาจฝ่ายบริหารแทนนายกฯ เพราะหากเป็นเช่นนั้น นายศิริโชค ไม่มีอำนาจหน้าที่แน่นอน

แต่ ที่เหนือกว่าข้อกฎหมายคือความเหมาะสมและผลกระทบที่ตามมาเพราะนายศิริโชคไม่ อาจปฏิเสธได้ถึงความใกล้ชิดกับนายกฯ คำถามจึงมีว่านายศิริโชคคุยอะไรและต่อรองแลกเปลี่ยนอะไรกันโดยที่ทำไปนั้น ตัดสินใจ ด้วยตนเองหรือไปใครสั่ง แต่ที่เหนือกว่าข้อกฎหมายคือ ความเหมาะสม และผลกระทบที่ตามมา เพราะ นายศิริโชค ไม่อาจปฏิเสธได้ถึงความใกล้ชิดกับนายกฯ คำถามจึงมีว่า นายศิริโชค คุยอะไร และต่อรองแลกเปลี่ยนอะไรกัน โดยที่ทำไปนั้น ตัดสินใจด้วยตนเอง หรือใครสั่งไป

ยิ่ง หากเรื่องที่พูดคุยเป็นไปดังที่นายบูธให้ภรรยามาอ่านคำแถลงนั้นถือเป็นการ ใช้อำนาจก้าวก่ายฝ่ายบริหารและกระบวนการยุติธรรมแน่นอนซึ่งสะท้อน ทั้ง"ทัศนคติ"และ"นโยบาย"ของรัฐบาลชุดนี้ที่วิ่งไปเหมือนวิ่งอยู่ในลู่ แข่งทำนองไปข้างหน้าเพื่อไล่ล่าอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณชินวัตร แต่เพียงถ่ายเดียว ยิ่งหากเรื่องที่พูดคุยเป็นไปดังที่ นายบูธ ให้ภรรยามาอ่านคำแถลงนั้น ถือเป็นการใช้อำนาจก้าวก่ายฝ่ายบริหารและกระบวนการยุติธรรมแน่นอน ซึ่งสะท้อนทั้ง “ทัศนคติ” และ “นโยบาย” ของรัฐบาลชุดนี้ ที่วิ่งไปเหมือนวิ่งอยู่ในลู่แข่ง ทำนองไปข้างหน้าเพื่อไล่ล่าอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่เพียงถ่ายเดียว

ภาษา อังกฤษเรียกว่า"Mind Track One"ที่น่าเป็นห่วงคือสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้พร้อมจะ"แลก"เพื่อให้ได้ตัว พ.ต.ท. ทักษิณไม่รู้ว่าไปยื่นหมูยื่นแมวอะไรไว้อีกใครเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศคนต่อ ไป คงปวดดูหัวน่า ภาษาอังกฤษเรียกว่า “One Track Mind” ที่น่าเป็นห่วงคือสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้พร้อมจะ “แลก” เพื่อให้ได้ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่รู้ว่า ไปยื่นหมูยื่นแมวอะไรไว้อีก ใครเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศคนต่อไปคงปวดหัวน่าดู

และหากปรากฏว่านายกฯ รับรู้ก่อนและวันนี้รู้แล้วยัง"อุ้ม"นายศิริโชคไว้ระวังจะเจอ"วอลเปเปอร์เกต"(Wallpapergate) ครับนะ! และหากปรากฏว่า นายกฯรับรู้ก่อน และวันนี้รู้แล้ว ยัง “อุ้ม” นายศิริโชค ไว้ ระวังจะเจอ “วอลเปเปอร์เกต” (Wallpapergate) นะครับ!!

ที่มา: ไทยอีนิวส์ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เนื่องจากปัจจุบันได้มีการประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ทางthairedshirt ขอความร่วมมือ ใช้ความระวัดระวังในการโพสต์ข้อความที่มีความสุ่มเสียงทุกชนิดครับๆ