วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553

ร้อยวันแห่งการสูญเสียของ ครอบครัวศรีหนองบัว

ทรงศักดิ์ ศรีหนองบัว (ป๋อง) เกิดวันที่ 28 มีนาคม 2520 ปัจจุบันอายุ 33 ปี เป็นคนบ้านดอนธาตุ ต.โคกสี อ.เมือง จ.ขอนแก่น ประกอบอาชีพเป็นพนักงานบริษัทฯติดตามหนี้ อยู่ในตัวเมืองจังหวัดขอนแก่น
ข้อมูลจากการสัมภาษณ์นายเจียง ศรีหนองบัว อายุ 59 ปี พ่อของทรงศักดิ์ ทราบว่า ทรงศักดิ์เป็นลูกชายคนโต จากพี่น้องทั้งหมด 4 คน มีน้องชาย 2 คน และน้องสาว 1 คน น้องชายคนรองมีครอบครัวแล้วอยู่หมู่บ้านใกล้ๆกัน คนรองลงมาทำงานอยู่ในตัวเมืองจังหวัดขอนแก่นเช่นกันแต่ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ส่วนน้องสาวคนสุดท้องมีครอบครัวอยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา นานๆ จะกลับมาเยี่ยมบ้านครั้งหนึ่ง มีเพียงทรงศักดิ์ที่อยู่อาศัยที่บ้านเป็นประจำ และช่วยเหลือดูแลงานทั้งหมดภายในบ้าน เช้าไปทำงานเย็นประมาณ 5 โมงก็กลับถึงบ้าน กินข้าวฟังวิทยุพักผ่อน เป็นคนไม่เที่ยวเตร่ ขยันทำงาน ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ กำลังจะได้เลื่อนตำแหน่งไปขยายสาขาที่จังหวัดอุดรธานี และกำลังมีแผนจะแต่งงานแต่ก็มาเสียชีวิตเสียก่อน
พ่อเจียงเล่าต่อว่า ในวันเกิดเหตุ วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ทรงศักดิ์ขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปทำงานตอนเช้าตามปกติ เวลาประมาณ 5 โมงเย็น โรงพยาบาลโทรศัพท์มาแจ้งว่า ทรงศักดิ์ป่วยอยู่โรงพยาบาลไม่บอกว่าป่วยเป็นอะไร บอกเพียงแต่บอกว่าป่วยให้มาเยี่ยมที่โรงพยาบาลด่วน พ่อจึงให้ลูกชายอีกคนโทรศัพท์กลับไปสอบถามให้แน่ชัดจึงทราบว่าถูกยิง เมื่อไปถึงโรงพยาบาล หมอบอกว่าถูกกระสุนยิงที่ต้นแขน 6 นัด ไปโดนที่เส้นเลือดแดง และต้องผ่าตัด วันนั้นมีประกาศเคอร์ฟิว พ่อต้องรีบกลับบ้าน กลัวไม่ทันเวลา ให้ลูกชายอีกคนเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาล กลับมายังไม่ถึงหมู่บ้านประมาณ 3 ทุ่ม ลูกชายโทรศัพท์มาบอกว่าทรงศักดิ์เสียชีวิตแล้ว
พ่อเจียงเล่าว่าไม่คิดเลยว่าลูกชาย ต้องมาเสียชีวิตเช่นนี้ เพราะตอนเช้ายังแต่งตัวออกไปทำงานตามปกติ และที่ผ่านมาแม้ลูกชายจะเคยเข้าร่วมการชุมนุมกับ นปช. ทั้งที่ขอนแก่นและกรุงเทพฯบ้าง แต่แค่เข้าร่วมฟังปราศรัยเพื่อรับรู้ข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงเท่านั้น แล้วก็กลับบ้าน ตอนเช้าก็ไปทำงานตามปกติ เคยมาเข้าร่วมการชุมนุมที่กรุงเทพฯ 3 ครั้ง มาวันสองวันก็กลับบ้านไปทำงานตามปกติ คนที่เห็นเหตุการณ์ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 หน้าบ้านนายประจักษ์เล่าให้พ่อฟังว่า ทรงศักดิ์ยืนอยู่บนฟุตบาทฝั่งตรงข้าม บ้านนายประจักษ์ แล้วมีคนยิงปืนลูกซองออกมาจากบ้านนายประจักษ์ สองถึงสามนัดมีคนโดนลูกกระสุนบาดเจ็บหลายคน
พ่อเจียงบอกว่า พ่อไม่คิดเอาเรื่อง ไม่คิดฟ้องกลับ ไม่อยากมีเรื่องมีราวขึ้นโรงขึ้นศาล เรามันคนจนต่อสู้กับเขาลำบาก ลูกชายก็ตายไปแล้ว อย่างไรก็ไม่ฟื้น แต่อยากให้ทางนายประจักษ์แสดงความรับผิดชอบบ้าง มาถามไถ่สาระทุกข์สุขดิบ มาร่วมทำบุญให้ลูกชายบ้าง ตอนนี้พ่อเรียกร้องค่าชดเชยไปกับตัวแทนเขาสามแสนบาท ตัวแทนเขาบอกว่ามากเกินไป เขาเสนอให้หนึ่งแสนบาท พ่อคิดว่ามันจะมากไปได้อย่างไร ชีวิตคนหนึ่งชีวิต ถ้าลองเป็นลูกชายเขาบ้างเขาจะยอมไหม จนวันนี้ครบรอบทำบุญร้อยวันแล้ว พ่อยังไม่ได้รับค่าชดเชยแต่อย่างใด
สำหรับความช่วยเหลือที่ผ่านมา พ่อเจียงบอกว่าได้รับการช่วยเหลือจากพรรคเพื่อไทยเป็นเงินหนึ่งแสนสามหมื่น บาท จากสำนักพระราชวังเป็นเงินห้าหมื่นบาท จากสำนักงานประกันสังคมเป็นเงินหนึ่งแสนบาท จากกระทรวงพัฒนาสังคมฯเป็นเงินสี่แสนบาท และได้มีการยื่นเรื่องไว้ที่กระทรวงยุติธรรมฯ ซึ่งทราบมาว่าจะมีการช่วยเหลือเป็นตัวเงิน ตอนนี้อยู่ระหว่างรอผลการสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พ่อเล่าต่อว่าได้เงินมาเท่าไร มันก็ไม่คุ้มกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น ปีนี้พ่อต้องทำนาคนเดียว คิดถึงทรงศักดิ์มาก ปกติเขาจะเป็นคนจัดการดูแลทุกอย่าง แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ช่วงดำนาที่ผ่านมา คิดถึงทรงศักดิ์มาก ฝนตกลงมา น้ำตาพ่อก็ไหล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เนื่องจากปัจจุบันได้มีการประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ทางthairedshirt ขอความร่วมมือ ใช้ความระวัดระวังในการโพสต์ข้อความที่มีความสุ่มเสียงทุกชนิดครับๆ