วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553

มหาสารคาม:ศาลไม่ให้ประกันเสื้อแดง ผู้ว่าไม่ฟังคำขอร้องญาติผู้ต้องขัง

ทนายพร้อมครอบครัวผู้ต้องขังเข้าพบผู้ว่าสารคามขอความกรุณาออกหนังสือไม่ คัดค้านการประกันตัว ผู้ว่าฯ ปัดยังไม่เห็นสำนวน ด้านศาลมหาสารคามยังไม่ยอมไม่ให้ประกันตัว 4 ผู้ต้องขัง

31 สิงหาคม พ.ศ.2553 เวลา 10.00 น. น.ส.เบญจรัตน์ มีเทียน ทนายความได้เดินทางมาพูดคุยเพื่อเตรียมการยื่นประกัน 10 ผู้ต้องหาคดีเตรียมการวางเพลิงเผาสถานที่ราชการต่อศาลจังหวัดมหาสารคาม โดยมีญาติพี่น้องของผู้ต้องขังมาร่วมพูดคุยประมาณ20คน
น.ส.เบญจรัตน์ แจ้งต่อญาติพี่น้องของผู้ต้องขังว่า จะได้เดินทางไปขอเข้าพบ นายวีระพล สุพรรณไชยมาตย์ นายอำเภอเมืองมหาสารคาม เพื่อขอร้องให้นายวีระพลในฐานะที่เป็นผู้เสียหายในคดีดังกล่าวทำหนังสือไม่ คัดค้านการให้ประกันตัวต่อศาล โดยที่บรรดาญาติผู้เสียหายที่มาร่วมรับฟังได้ ขอติดตามไปพบเพื่อขอความเมตตาจากนายอำเภอด้วย
13.30 น. น.ส.เบญจรัตน์ ในฐานะทนายความและญาติพี่น้องผู้ต้องขังจำนวน 20คน เดินทางไปที่ยังที่ทำว่าการอำเภอเมืองมหาสารคามโดยได้แจ้งความจำนงขอเข้าพบ นายวีระพล ตามเหตุผลข้างต้น ซึ่งคณะทนายความและญาติของผู้ต้องขังได้เข้าพบนายวีระพล เมือ่เวลาประมาณ14.00 น. หลังจากที่นายวีรพล ได้ฟังนางสาวเบญจรัตน์ชี้แจงถึงวัตถุประสงค์การเข้าพบแล้ว นายวีรพลจึงได้ชี้แจงต่อนางสาวเบญจรัตน์และบรรดาญาติของผู้ต้องขังว่าตนไม่ มีอำนาจในการตัดสินใจและแนะนำให้ไปขอร้องต่อ นายทองทวี พิมเสน ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม
น.ส.เบญจรัตน์และคณะจึงเดินทางไปขอพบนายทองทวี พิมเสน ผู้ว่าฯ ที่ห้องทำงานชั้น 4 ของศาลากลางแห่งใหม่บริเวณศูนย์ราชการ อย่างไรก็ตาม นายทองทวีซึ่งออกมาพบกับคณะญาติผู้ต้องขังและทนายแสดงอาการไม่พอใจอย่าง รุนแรงและไม่ฟังคำขอร้องของ น.ส.เบญจรัตน์ จนท้ายที่สุด นายทองทวีกล่าวว่า ”ผมยังไม่ได้เห็นสำนวนของคดีและจะขอพิจารณาเป็นรายๆไป” ขณะที่ญาติผู้ต้องขังจะกล่าวให้เหตุผลเพื่อขอความเห็นใจ นายทองทวีกล่าวตัดบทว่า”ผมไม่ชอบวิธีการของพวกคุณ" พร้อมกับเดินหันหลังหนีไปและตำหนิเจ้าหน้าที่ว่า”ปล่อยให้พวกมันขึ้นมาได้ อย่างไร”
น.ส.เบญจรัตน์แสดงความเห็นต่อผู้สื่อข่าวว่า รู้สึกสงสารและเสียใจแทนญาติพี่น้องของผู้ต้องขังที่ไม่มีโอกาสในการชี้แจง ถึงสภาพปัญหาและคิดว่าผู้ว่าราชการจังหวัดน่าจะให้เวลาในการพูดคุยกับ ประชาชนและควรมีท่าทีรับฟังมากกว่านี้ นางวิจิตร ดวงพรหม ภรรยาของนายอุทัย คงหาญ ผู้ต้องขัง กล่าวว่าเมื่อได้เห็นท่าทีของผู้ว่าแล้วตนก็รู้สึกขาอ่อนหมดหวังต่อเจ้า หน้าที่บ้านเมือง ในขณะที่ญาติผู้ต้องขังอีกรายหนึ่งบอกว่า”รัฐบาลบอกว่าจะ ปรองดองแต่เจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นมีท่าทีอย่างนี้แล้วมันจะปรองดองกันได้ อย่างไร”
1 กันยายน พ.ศ.2553 เวลา 09.30 น. ญาติของ นายคมกฤษ คำวิเศษ นายภาณุพงษ์ พลเสน นายสุชล จันปัญญา และนายสมโภชน์ สีกากุล ได้เดินทางไปที่ศาลจังหวัดมหาสารคาม เพื่อยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอประกันตัวผู้ต้องขังโดยในคำร้องได้ระบุว่า ผู้ต้องขังอยู่ในระหว่างการศึกษา การคุมขังผู้ต้องหาจะเป็นการจำกัดโอกาสในการศึกษา แต่ศาลฯได้สั่งยกคำ ร้อง ทำให้ทั้งผู้ต้องขังและญาติมิตรที่มารอคอยประสบกับความผิดหวังอีกครั้ง

ที่มา ประชาไท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เนื่องจากปัจจุบันได้มีการประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ทางthairedshirt ขอความร่วมมือ ใช้ความระวัดระวังในการโพสต์ข้อความที่มีความสุ่มเสียงทุกชนิดครับๆ