วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2553

รายงานมุกดาหาร:เรื่องเล่าจากหลังลูกกรงของสองชีวิตที่ถูกจับกุม

“ไปชุมนุมเพราะอยากเรียกร้องประชาธิปไตย ไม่อยากให้มี 2 มาตรฐาน ไม่อยากให้รัฐบาลฆ่าประชาชน ไม่ได้คิดว่าจะมีการเผาศาลากลาง”

เป็นถ้อยคำที่ลอดผ่านลูกกรงออกมาแสดงถึงเจตจำนงในการออกมาร่วมชุมนุมของ คนรากหญ้าที่ถูกชนชั้นนำตราหน้าว่าไม่มีการศึกษา ไม่รู้จักประชาธิปไตย ถูกจ้างมา

ทองมาก คนยืน และพวกอีก 25 คน ถูกจับในข้อหาร่วมกันบุกรุกและวางเพลิงเผาอาคารศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร จำนวน 2 หลัง อันเป็นสาธารณสถานและสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ในวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา จนศาลากลางดังกล่าวเสียหาย คิดเป็นเงินจำนวน 85,000,000 บาท (แปดสิบห้าล้านบาท)

แต่ก่อนที่จะโดนจับกุมตัวในวันเกิดเหตุ ทองมากและผู้ร่วมชุมนุมที่ถูกจับกุมตัวเช่นกันถูกเจ้าหน้าที่ที่เข้าสลายการ ชุมนุมหลังอาคารศาลากลางทั้งสองหลังถูกไฟไหม้แล้ว ทำร้ายด้วยการใช้กระบองตี บางคนถูกเตะ ถูกเหยียบ จนได้รับบาดเจ็บ จากนั้นก็จับพวกเขายัดใส่รถคุมขังไว้หน้าศาลากลาง 2 คืน 1 วัน และนำไปฝากขังที่เรือนจำมุกดาหารในวันที่ 21 พฤษภาคม

ทองมากเล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้นว่า เขากับเพื่อนบ้านซึ่งอยู่ที่บ้านโคกสว่าง อ.ดอนตาล ได้ทราบข่าวจากวิทยุในตอนเช้าว่า ทหารกำลังเข้าสลายการชุมนุมที่ราชประสงค์ มีผู้ชุมนุมเสียชีวิต จึงได้เดินทางมาพร้อมกับเพื่อนบ้านประมาณ 10 คน เข้าไปที่ศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร หวังจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมกับผู้ว่าราชการจังหวัด เมื่อไปถึงศาลากลางก็เข้าร่วมการชุมนุมอยู่บริเวณถนนข้างศาลากลาง

ประมาณ 11 นาฬิกา ผู้ชุมนุมบางส่วนได้พังรั้วเข้าไปชุมนุมในบริเวณศาลากลาง เนื่องจากการเจรจาขอเข้าไปชุมนุมในบริเวณศาลากลางกับรองผู้ว่าฯ ไม่เป็นผล รองผู้ว่าฯ ปฏิเสธข้อเรียกร้องด้วยท่าทีที่ทำให้ผู้ชุมนุมไม่พอใจ ทองมากและเพื่อนได้ตามเข้าไปในบริเวณศาลากลางด้วย ขณะนั้นการชุมนุมยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น

ช่วงเที่ยงทองมากได้ออกจากศาลากลางไปพบเพื่อนที่อยู่ในตัวเมืองมุกดาหาร และกลับมาอีกครั้งประมาณบ่ายสอง พบว่าไฟกำลังไหม้อาคารศาลากลางอยู่ จึงนั่งดูเหตุการณ์อยู่นอกรั้ว พร้อมทั้งรอเพื่อนบ้านมาสมทบเพื่อเดินทางกลับบ้าน

เมื่อเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่สลายการชุมนุมโดยใช้กระบองไล่ตีผู้ชุมนุม ด้านในรั้วออกมาถึงบริเวณที่ตนกับเพื่อนนั่งอยู่ก็เข้ามาตีและจับกุมทองมาก กับเพื่อนด้วย ตัวทองมากเองนั้นโดนกระบองตีที่ขาจนเดินไม่ไหว และบวมในเวลาต่อมา ส่วนเพื่อนบ้านที่นั่งอยู่ด้วยกัน บ้างก็ถูกตี บ้างก็ถูกเหยียบ และถูกจับกุมรวมทั้งสิ้น 5 คน ในจำนวนนี้มีเด็กผู้ชายอายุ 15 ปี ที่ตามพ่อไปดูเหตุการณ์ แล้วโดนจับกุมด้วย

หลังจากถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำนานเกือบ 3 เดือน โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว ในที่สุดอัยการก็ยื่นฟ้อง ทองมากและเพื่อนผู้ต้องหาด้วยกันจึงได้รับรู้ข้อหาที่พวกเขาโดนจับกุมอย่าง ชัดเจน หลังจากที่เข้าใจมาโดยตลอดว่าทุกคนโดนข้อหาวางเพลิง 7 คน โดนข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ ส่วนทองมากและผู้ต้องหาที่เหลือรวม 19 คน โดนข้อหาบุกรุกและร่วมกันวางเพลิงเผาศาลากลาง คนที่โดนข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการเพียงข้อหาเดียวได้รับการปล่อยตัวชั่ว คราว(ประกันตัว)

เมื่อเพื่อนบ้านที่ถูกจับด้วยกันถูกตั้งข้อหาบุกรุกและได้รับการประกัน ตัวไป ปัญหาที่คาอยู่ในใจของทองมากมาตลอดเวลา 3 เดือนในเรือนจำก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ “ตำรวจมีหลักฐานอะไร ทำไมถึงตั้งข้อหาวางเพลิงให้ผม ตอนไฟไหม้ผมก็อยู่ข้างนอก เพื่อนถูกจับด้วยกันที่นอกรั้วยังโดนแค่บุกรุก หรือว่าผมใส่เสื้อสีดำ เขาเลยคิดว่าผมเป็นการ์ดหรือเปล่า ทั้งตัวผมก็ไม่มีอะไรวันนั้น ผมสะพายถุง(ย่าม)ใส่ก่อง(กระติ๊บ)ข้าวเท่านั้น”

ทองมากในวัย 44 ปี พกพาเอาโรคไตอักเสบเข้าไปในเรือนจำด้วย ก่อนหน้านั้นเขาเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลดอนตาล หมอนัดผ่าตัดตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เจ้าตัวไม่กล้า ได้แต่ไปเอายามากิน ทุกวันนี้ปวดเอวมาก โดยเฉพาะเวลานอน อาศัยกินยาแก้ปวด หรือไม่ก็ฝากซื้อยาจากข้างนอก และให้เพื่อนช่วยนวดให้ทุกวันจึงนอนได้

“ผมอยากได้รับการประกันตัวไปสู้คดีอยู่ข้างนอก จะได้รักษาตัวด้วย อยู่ในนี้ผมกลัวว่าถ้าผมเป็นอะไรหนักตอนกลางคืน ผมอาจตายอยู่ในคุกได้ เพราะไม่มีใครพาไปโรงพยาบาล เมื่อเดือนก่อนมีผู้ต้องหาคดียาเสพติดไส้ติ่งอักเสบ ปวดตั้งแต่ค่ำ ไม่มีใครกล้าพาไปโรงพยาบาล ปวดอยู่จนตี 1 ไส้ติ่งแตกก็เสียชีวิต”

“เมียผมก็เป็นโรคหัวใจ ลูกสาวก็ป่วยเป็นร่อย(แขนขาไม่มีแรง) ทำงานไม่ได้ ซ้ำตอนนี้น้ำก็ท่วมบ้านอีก ผมต้องการแค่สิทธิในการได้รับการประกันตัว เพื่อออกไปดูแลพวกเขา” ทองมากย้ำถึงความต้องการเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะถูกนำตัวจากคุกใต้ศาลกลับสู่ เรือนจำมุกดาหารอีกครั้งพร้อมกับเพื่อนๆ ที่ยังไม่ได้รับการประกันตัว

ในอีกฟากหนึ่งซึ่งแยกขังผู้ต้องหาหญิง บุญเทียน รูปสะอาด ผู้ต้องหาหญิงเพียงหนึ่งเดียวในคดีบุกรุกและวางเพลิงเผาอาคารศาลากลาง จังหวัดมุกดาหารก็ส่งเสียงร้องขอสิทธิในการประกันตัวเช่นกัน

บุญเทียน รูปสะอาด เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 15 ต.โพนทราย อ.เมือง จ.มุกดาหาร ในวันเกิดเหตุมีคนในหมู่บ้านเดินทางมาชุมนุมที่ศาลากลางจำนวนหลายคน เธอจึงได้รับมอบหมายจากผู้ใหญ่บ้านให้มาช่วยดูแลลูกบ้าน ทั้งหมดมาถึงศาลากลางประมาณ 10 โมงครึ่ง บุญเทียนทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายมาเป็นอย่างดี เธอคอยห้ามปรามทั้งลูกบ้านและผู้ร่วมชุมนุมคนอื่นไม่ให้ทำอะไรที่จะเป็นเหตุ ให้การชุมนุมเกิดเหตุการณ์รุนแรง แต่เมื่อไฟลุกไหม้อาคารศาลากลางจนยากที่จะควบคุมได้แล้ว บุญเทียนและลูกบ้านจึงชวนกันกลับในเวลาประมาณบ่ายสาม ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้เข้าสลายการชุมนุม

1 เดือนเศษต่อมา ตำรวจไปควบคุมตัวเธอมาจากบ้าน โดยมีภาพในหมายจับเป็นรูปเธอใส่เสื้อสีแดงนั่งอยู่บนกองยางรถยนต์ที่กองอยู่ ในบริเวณศาลากลาง

“เรานั่งอยู่บนกองยางก็จริง แต่ไม่ได้ทำอะไร แถมยังเป็นคนห้ามไม่ให้เขาจุดไฟเผายาง และกองยางในภาพก็ไม่ได้ถูกเผา แต่เราโดนจับ โดนขังมา 2 เดือนแล้ว ยื่นประกันหลายครั้งแล้ว ก็ไม่ได้ประกัน พวกที่โดนจับมาทั้งหมดนี่ก็ไม่ได้เผา ไอ้คนเผาจริงก็ไม่ถูกจับ ไม่รู้ยังไงกัน”

“ฉันต้องการแค่ได้ประกันตัวไปสู้คดีอยู่ข้างนอก อยู่ในนี้ก็ไม่รู้จะสู้ยังไง มีโรคประจำตัวด้วย ทำให้ความเป็นอยู่ค่อนข้างลำบาก ซ้ำยังเป็นผู้หญิงคนเดียว โดนแยกไปขังอยู่กับผู้ต้องหาคดีอื่น ส่วนใหญ่เป็นคดียาเสพติด เขาก็ไม่รู้อะไรเรื่องเสื้อแดง ไม่รู้จะระบายกับใคร อึดอัดมาก” เป็นความในใจที่ระบายออกมาของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหญิงวัย 37 ปี แม่ของลูก 2 คน จากหลังลูกกรงใต้ศาลจังหวัดมุกดาหาร

นี่เป็นเพียงเสียงของ 2 ใน 19 ผู้ต้องหาคดีเผาศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร และเป็นเพียงเสียงของผู้ต้องหา 2 คนในจำนวนนับร้อยที่ได้รับการลงโทษ จับกุมคุมขังในสิ่งที่เขาไม่ได้กระทำ หรือกระทำในสิ่งที่เป็นสิทธิที่ได้รับการรับรองอยู่ในรัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักรไทย อีกทั้งยังไม่ได้รับสิทธิในการปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อแก้ข้อกล่าวหาอย่างเป็น ธรรม ในวันนี้ถึงแม้ความไม่เป็นธรรมที่พวกเขาได้รับจะทำให้พวกเขาและครอบครัว ทุกข์ทน แต่มันก็เป็นสิ่งที่ตอกย้ำให้พวกเขา แม้กระทั่งเราเชื่อมั่นว่าการต่อสู้เพื่อให้ความเป็นธรรมเกิดขึ้นในสังคมไทย นั้นจะต้องสานต่อให้บรรลุผลต่อไป

ที่มา: ประชาไท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เนื่องจากปัจจุบันได้มีการประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ทางthairedshirt ขอความร่วมมือ ใช้ความระวัดระวังในการโพสต์ข้อความที่มีความสุ่มเสียงทุกชนิดครับๆ